|

ทีมนักวิจัย ม.อ. สร้างเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกลด้วยแสงอินฟราเรด

8086B205-5C11-4A99-8667-9DC8A5C02F68

ทีมนักวิจัย .. สร้างเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกลด้วยแสงอินฟราเรด ช่วยแพทย์ทราบอุณหภูมิร่างกายผู้ป่วย COVID-19 ผ่านระบบออนไลน์

การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์ต้องรับศึกหนัก เพราะมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวันในพื้นที่ภาคใต้ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นหน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสดังกล่าว และได้เปิดโรงพยาบาลสนาม ต้นแบบการจัดสถานที่เพื่อดูแลพักฟื้นผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการขาลงแห่งแรกในประเทศไทย คือ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สาขา 2 จังหวัดสงขลา และโรงพยาบาลสนามจังหวัดภูเก็ต ซึ่งรูปแบบการคัดกรองผู้เข้าออก โรงพยาบาลนั้น ใช้การวัดอุณหภูมิด้วยเครื่องเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้อินฟราเรด โดยใช้บุคลากรทางการแพทย์ 1 ท่าน ยืนประจำตำแหน่ง และใช้เครื่องมือเพื่อวัดอุณหภูมิ โดยมีระยะห่าง 2-4 เซนติเมตร ถือว่าเป็นหน้าที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย

7B11C4CF-DFFA-4F77-866D-B2F7453569B0

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชิตนนท์ บูรณชัย และทีมนักวิจัยศูนย์วิจัยความเป็นเลิศด้านการวิเคราะห์สารปริมาณน้อย และไบโอเซนเซอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงมีแนวคิดในการพัฒนาเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกลด้วยแสงอินฟราเรด โดยทีมวิจัยมีความสามารถในการพัฒนาอุปกรณ์เซ็นเซอร์ขนาดกะทัดรัด สามารถใช้งานนอกสถานที่ได้ ผนวกกับองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขึ้นรูปสามมิติ ตลอดจนการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์มารวมไว้ในอุปกรณ์ขนาดเล็ก โดยเครื่องรูปแบบแรก มีขั้นตอนการใช้งาน คือ ผู้ที่ต้องการวัดอุณหภูมิสามารถเดินเข้าหาตัวเครื่องด้วยตนเอง โดยทิ้งระยะประมาณ 2-4 เซนติเมตร เพื่อให้เซ็นเซอร์ของเครื่องทำงานโดยส่งสัญญาณไปยังเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้อินฟราเรด และผู้วัดอุณหภูมิสามารถอ่านค่าอุณหภูมิร่างกายได้ด้วยตัวเอง เครื่องรูปแบบแรกนี้ได้นำไปใช้จริงที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ แล้ว ซึ่งได้ผลออกมาดี ลดจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องมายืนตรวจวัด และเมื่อมีการเปิดโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สาขา 2 จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนาม จังหวัดสงขลา  อาคารติณสูลานนท์ ศูนย์บริบาลผู้สูงอายุ สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ทีมนักวิจัยจึงได้โจทย์การพัฒนาเครื่องดังกล่าว

37281E06-F39B-45FB-821A-56BEE896A3B4

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชิตนนท์ ได้กล่าวว่า ส่วนที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดสงขลา อาจารย์นายแพทย์ชนนท์ กองกมล ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ แจ้งว่าในสถานการณ์ที่ใช้กันอยู่ในหอผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สาขา 2 จังหวัดสงขลา ผู้ป่วยจะต้องอยู่ในส่วนที่พักผู้ป่วยโดยเฉพาะ ฉะนั้น ค่าที่อ่านได้จำเป็นต้องปรากฏอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่แพทย์สามารถเข้าถึงได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปดูที่เครื่องวัด จึงเป็นที่มาของการที่เราจะต้องพัฒนาให้ค่าอุณหภูมิที่วัดได้ถูกส่งผ่านเครือข่าย WiFi ไปปรากฏอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของแพทย์ และประมวลผลร่วมกันกับข้อมูลจากเครื่องมือชนิดอื่น

AF6395C0-502C-40CF-A456-F674BBF3523D

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเรียนให้ทราบว่า เครื่องวัดอุณหภูมิที่พัฒนาขึ้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้แทนที่อุปกรณ์ตัวไหนโดยตรง แต่เรามองถึงช่องว่างที่สามารถเติมเต็มได้และยังมีความต้องการของโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่ยังไม่มีความพร้อมทางด้านกำลังเงินและกำลังคนมากนัก เพราะอุปกรณ์ที่ทีมนักวิจัยพัฒนา มีราคา 2,500 บาทต่อ 1 เครื่องเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ได้เป็นราคาที่เกินเอื้อมสำหรับโรงพยาบาลทั่วๆ ไป และเรื่องของกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญหากเราสามารถช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์เหล่านี้มีขวัญและกำลังใจที่ดี ลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ เขาจะมีแรงและกำลังใจที่จะมาช่วยแก้ปัญหาหรือรักษาโรค การที่ทีมได้คิดพัฒนาในประเด็นนี้เปรียบเสมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ นอกจากจะช่วยเพิ่มขวัญและกำลังใจช่วยลดความเสี่ยงให้กับบุคลากรที่ประจำจุดคัดกรองแล้ว ยังสามารถทำให้บุคลากรทางการแพทย์ดังกล่าว สามารถมีเวลาทำงานอย่างอื่น ที่อาจจะสำคัญมากกว่าการคัดกรองคนป่วยหน้าโรงพยาบาลได้

E5BBC0F7-9440-4732-8E2F-377CB17DF1AB

ทั้งนี้ ผู้สนใจจะร่วมสนับสนุนเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกลด้วยแสงอินฟราเรด เพื่อช่วยเหลือทีมบุคลากรทางการแพทย์ หรือโรงพยาบาลที่ยังขาดแคลน สามารถติดต่อทีมวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่หน่วยวิจัย บัณฑิตศึกษา และบริการวิชาการ โทร. 0-7428-8075 เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายโรงพยาบาลที่ต้องการเครื่องมือดีๆ เพื่อช่วยให้ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

F80C68C7-67AC-4E77-9CE0-5E8F4D15B3A27D98516F-A759-477D-A37D-DCFB72378E74

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=54859

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us