มท.2 ลง พ.ท.สงขลา ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์
นิพนธ์ ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ แทนคนไทยทั้งประเทศ พร้อมมอบเครื่องเทอร์โมสแกน และมอบเงินสนับสนุนแก่ศูนย์ฯ ที่ จ.สงขลา
เมื่อวันที่ 14 เมษายน 63 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เยี่ยมและให้กำลังใจ พร้อมกล่าวแสดงความห่วงใยแก่บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ที่ได้ทุ่มเทเสียสละ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด – 19 พร้อมมอบอุปกรณ์วัดไข้เครื่องเทอร์โมสแกน จำนวน 10 เครื่อง และมอบเงินสนับสนุนจำนวน 20,000 บาท ให้แก่ศูนย์ประสานงานการรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือทีมดูแลรักษา และผู้ป่วย โดยมีรองศาสตราจารย์นายแพทย์ พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์สาขา 2 และรองศาสตราจารย์แพทย์หญิง มณฑิรา ตัณฑนุช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สาขา 2 เป็นผู้รับมอบ โดยมีนายอำพล พงษ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลานายอำเภอเมืองสงขลา และ ผอ.กอง ของ อบจ. ร่วมในการส่งรับมอบ ณ อาคารศูนย์บริบาลผู้สูงอายุ ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ทั้งนี้จังหวัดสงขลา ร่วมกับโรงพยาบาล มอ.สงขลา และโรงพยาบาลในจังหวัดสงขลา ได้จัดตั้งพยาบาลสนาม ณ ศูนย์บ่มเพาะคนดีสวนประวัติศาสตร์ติณสูลานนท์ สงขลา โดยใช้อาคารลำพู ลำแพนเป็นที่พักผู้ป่วยติดโควิด – 19 และใช้อาคารติณสูลานนท์ ศูนย์บริบาลผู้สูงอายุ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เป็นศูนย์อำนวยการในการรักษาผู้ป่วย ศูนย์ประสานงานการรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือทีมดูแลรักษา และผู้ป่วย รวมทั้งใช้ห้องพักชั้นสอง สำหรัยแพทย์พยาบาล ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย ส่วนห้องพักชั้นสามสำหรับแพทย์พยาบาลที่ประสานงาน และอำนวยการต่างๆ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า เมื่อวานได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดนราธิวาส มีความเห็นร่วมกันกับ ท่านกงสุลใหญ่ไทยที่เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศและผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยตัวแทนคนไทยในมาเลเซีย ซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่า จะให้รัฐบาลดูแลการเยียวยาให้กับคนไทย ซึ่งเป็นแรงงานไทยที่ทำงานในมาเลเซีย โดยตัวแทนคนไทยก็เห็นว่าถ้าได้มีการเยียวยาคนไทยที่ติดค้างในมาเลเซีย เบื้องต้นประมาณ 7000 – 8000 คน ถ้าสามารถเยียวยาได้ ก็จะให้คนกลุ่มนี้อยู่ต่อในมาเลเซีย ไม่ต้องเดินทางกลับมา เพราะพวกกลุ่มนี้ยังสามารถที่จะกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปรกติ ซึ่งก็จะเป็นการดูแลในเรื่องของอาหารการกิน และที่พักอาศัยพอสมควร ซึ่งก็เป็นแนวทางทีาจะนำไปกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีต่อไป ในคราวประชุม ครม. ซึ่งก็เป็นแนวทางหนึ่ง ในการที่จะช่วยเหลือ จะได้หรือไม่ก็ต้องรอ ซึ่งในเรื่องนี้ทาง ครม.ก็ได้มีความเห็นในเบื้องต้นแล้ว โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ที่ดูแลในเบื้องต้น ซึ่งจะต้องหาข้อมูลให้พร้อมก่อน แต่ถ้าหากใครที่มีความจำเป็นต้องการกลับ ก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดไว้ ซึ่งในส่วนของด่านพรมแดนต่างๆ ก็ยังต้องมีการเข้มงวดทุกด่าน ทั้ง 21 ด่านของประเทศไทย ซึ่งเราต้องมีการดูแลอย่างเข้มงวด
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=54376