ม.อ.ปัตตานี เปิดตัว “APP TECH แก้จนคนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้” 10 เทคโนโลยี แก้ปัญหาความยากจนในชุมชนชายแดนใต้
ม.อ.ปัตตานี เปิดตัว “APP TECH แก้จนคนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้” 10 เทคโนโลยี แก้ปัญหาความยากจนในชุมชนชายแดนใต้
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ก้าวกระโดดแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยเทคโนโลยีเปิดตัวโครงการ “App Tech แก้จนคนตานี” ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน โครงการนี้ได้พัฒนาเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบ เช่น ระบบสครับเบอร์ดักจับเขม่าควัน, เครื่องปรับหน้าดินนาเกลือ, และระบบเตาชีวมวลประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีแก่ชุมชน เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน คาดหวังว่าจะเป็นต้นแบบในการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหาสังคมในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
เมื่อเช้าวันนี้ (11 พฤศจิกายน 2567) ที่สำนักงานวิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยโครงการวิจัยแก้ไขปัญหาความยากจนที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดกิจกรรม Kick off การนำเสนอเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี “App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้ เพื่อเสริมศักยภาพชุมชนและแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) โดยมีแพทย์หญิง เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม รองศาสตราจารย์ ดร.กรรณิการ์ สหกะโร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหัวหน้าโครงการ App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี และประธานโครงการวิจัยแก้ไขปัญหาความยากจนที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวต้อนรับ ทั้งนี้ หัวหน้าส่วนภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาในจังหวัดชายแดนใต้ เครือข่าย อว.ส่วนหน้าจังหวัดปัตตานี ภาคีเครือข่ายงานวิจัย ตัวแทนชุมชน ตัวแทนภาคประชาสังคม ร่วมในพิธี
แพทย์หญิง เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Kick off การนำเสนอเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี “App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้”กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์ความรู้สู่ชุมชน การสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอาชีพและรายได้ โดยอาศัยการใช้เทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่าย ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน” ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) มีเป้าหมายที่จะใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพชุมชน และสร้างความยั่งยืนด้านอาชีพในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ มีเป้าหมายช่วยเหลืออย่างน้อย 150 ครัวเรือนในจังหวัดปัตตานี โดยคาดหวังว่าผลจากการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะสามารถเพิ่มรายได้ของครัวเรือนที่เข้าร่วมได้ร้อยละ 20 และสร้างโอกาสทางสังคมให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป ทีมวิจัยได้นำเสนอเทคโนโลยี 10 รายการที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงในครัวเรือนและชุมชน ซึ่งทุกเทคโนโลยีได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ นับว่า “APP TECH แก้จนคนตานี” นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการสร้างเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน โครงการการพัฒนาและยกระดับการจัดการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคม: กรณีศึกษาพื้นที่จังหวัดปัตตานี ระยะที่ 2 ปีที่ 2 ภายใต้กรอบการวิจัย “พื้นที่วิจัยเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคม” ภายใต้แผนงานย่อยรายประเด็น “ขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ โดยการเพิ่มโอกาสและลดช่องว่างของการเข้าถึงการพัฒนาอาชีพ การศึกษาเรียนรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” ประจำปีงบประมาณ 2567 ภายใต้การนำผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี นำนักวิจัยดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ได้ยกระดับโมเดลแก้จนด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในพื้นที่วิจัยเชิงยุทธศาสตร์จังหวัด เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในครัวเรือน เศรษฐกิจชุมชน และเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัดชายแดนใต้ โดยเน้นให้ครัวเรือนและชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
รองศาสตราจารย์ ดร.กรรณิการ์ สหกะโร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี หัวหน้าโครงการ App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการ “App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคมในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ว่า โครงการดังกล่าวได้คัดสรรเทคโนโลยีที่เหมาะสม 10 โครงการ เพื่อนำไปใช้แก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในระดับครัวเรือนและชุมชน อาทิ 1. การพัฒนาระบบสครับเบอร์ดักจับเขม่าควันและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปลาคั่วของระดับครัวเรือนและระดับกลุ่ม 2.การพัฒนาเครื่องปรับหน้าดินนาเกลือหวานปัตตานี และชุดกรองน้ำทะเล 3. ระบบเตาชีวมวลประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมปรับให้เหมาะสมกับระดับครัวเรือน 4. ระบบทำแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับพลังงานความร้อนจากแหล่งอื่น 5. เทคโนโลยีด้านการจัดการผลิตอาหารสัตว์ เครื่องบด ผสม และอัดเม็ดอาหารสัตว์และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ครัวเรือนเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดปัตตานี 6.เทคโนโลยีด้านการจัดการผลิตอาหารสัตว์ เครื่องสับ อัดพืชอาหารสัตว์อเนกประสงค์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและส่งเสริมการตลาดสินค้าปศุสัตว์ตลอดห่วงโซ่คุณค่า 7. เทคโนโลยีการผลิตปูนขาวจากเปลือกหอยสำหรับผลิตอาหารสัตว์และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ ครัวเรือนเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดปัตตานี 8.เทคโนโลยีการผลิตและการจัดการสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ครัวเรือนเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดปัตตานี 9.ระบบการปลูกพืชไม่ใช้ดินด้วยพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับการผลิตมะเขือเทศเชอรี่และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ครัวเรือนเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และ 10.แบบจำลองการใช้เทคโนโลยีอาหารหมักเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน
รองศาสตราจารย์ ดร.กรรณิการ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือนยากจนอย่างน้อยร้อยละ 20 และสร้างโอกาสในการยกระดับฐานะทางสังคมให้แก่ประชาชน 150 ครัวเรือน หรือประมาณ 750 คน ในจังหวัดปัตตานี” จุดเด่นของโครงการ “App Tech คนตานี” อยู่ที่การมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีไปใช้ ซึ่งจะทำให้เทคโนโลยีที่พัฒนานั้นตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้จริง และสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=92500