ม.อ. เยียวยานักศึกษาประสบอุทกภัยพร้อมร่วมแก้ปัญหาคาบสมุทรสทิงพระ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้ทุนช่วยเหลือนักศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตามระดับของผลกระทบ เล็งระดมสมองผู้เกี่ยวข้องศึกษาแก้ปัญหาพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ หลังประสบความสำเร็จจากการจับมือหลายหน่วยงานร่วมดูแลพื้นที่หาดใหญ่
รองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า จากการที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดภาคใต้เมื่อต้นปี 2560 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทั้ง 5 วิทยาเขตได้ร่วมกันเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอุทกภัยใน 6 จังหวัด 24 อำเภอในภาคใต้ โดยได้รับความร่วมมือจากบุคลากร นักศึกษา และภาครัฐและเอกชน ซึ่งจนถึงกลางเดือนมกราคม 2560 ได้มีการนำน้ำดื่ม 45,764 ขวด ยา 22,027 ชุด เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวน 12,587 ครอบครัว และมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือจำนวน 1,600,000 บาท
นอกจากนั้น ยังได้กำหนดแนวทางการในการดูแลนักศึกษาในทุกวิทยาเขต โดยการเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบแจ้งมายังมหาวิทยาลัยภายในวันที่ 31 มกราคม 2560 ต่อจากนั้นจะมีการสัมภาษณ์เพื่อประเมินระดับความเดือดร้อน เช่นเดียวกับเมื่อครั้งเกิดวิกฤติการยางพารา ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา สภามหาวิทยาลัยอนุมัติความช่วยเหลือใน 3 ส่วนคือ ด้านค่าธรรมเนียมการศึกษาทั้งการผ่อนผันการชำระเป็นกรณีพิเศษและการให้ทุนประเภท ยกเว้นค่าธรรมเนียมการศึกษาด้านการจัดสรรทุนการศึกษาแบบให้เปล่า โดยแบ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบมาก 2,500 บาทระดับปานกลาง 2,000 บาทผู้ได้รับผลกระทบน้อย 1,000 บาท รวมทั้งด้านการให้ทุนทำงานแลกเปลี่ยนชั่วโมงละ 40 บาท
อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าวว่า มหาวิทยาลัยได้มีการศึกษาดูแลเรื่องอุทกภัยภาคใต้มาตั้งแต่การเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่หาดใหญ่ ในปี 2553 โดยมุ่งเน้นการดูแลพื้นที่หาดใหญ่เป็นหลัก มีสถานวิจัยที่ทำงานร่วมกันเพื่อดูแลเรื่องนี้ และได้เข้าร่วมกับคณะทำงานซึ่งจังหวัดสงขลาจัดตั้งขึ้น เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์สถานการณ์น้ำ โดยมีคณะกรรมการจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน เป็นต้น ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวมีการร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง อย่างไรก็ตามได้มีการพูดคุยกับนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลเพิ่มเติมที่คาบสมุทรสทิงพระ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เนื่องจากเกิดฝนตกหนักมากและน้ำในทะเลสาบไหลออกสู่อ่าวไทยได้ทางเดียว จึงร่วมกันหาวิธีการและแนวทางในการแก้ไขปัญหา เช่นเดียวกับที่เคยประสบความสำเร็จในพื้นที่หาดใหญ่
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=12864