วิเคราะห์สนามเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลา“สุพิศ”ครองเต็ง1 ผลชี้ขาด 1 ก.พ.68 ชาวสงขลาผู้ตัดสิน
วิเคราะห์สนามเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลา“สุพิศ”ครองเต็ง1 ผลชี้ขาด 1 ก.พ.68 ชาวสงขลาผู้ตัดสิน
นับถอยหลังวันเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายก อบจ.)และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส. อบจ.) ทั้ง 47 จังหวัดทั่วประเทศ ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่จะถึงนี้ สำหรับสนามเลือกตั้ง อบจ.สงขลาในครั้งนี้นับเป็นการชิงเก้าอี้นายก อบจ. ที่มีผู้ลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งกันมากเป็นพิเศษถึง 9 คน ทุบสถิติมากที่สุดในประเทศไทย และมากกว่าทุกครั้งนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งนายกอบจ.สงขลามา จะด้วยปัจจัยใดๆก็ไม่ต้องเจาะลึก แต่นี่คือประวัติศาสตร์อีกหน้าของสนามเลือกตั้งนายก อบจ.
เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมส่งผลให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ต่างฝ่ายต่างเร่งลงพื้นที่เรียกคะแนนเสียงกันอย่างเข้มข้น พร้อมชูนโยบายในการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อมัดใจชาวสงขลาให้ได้มากที่สุด เพราะหนึ่งเดียวเท่านั้น คือผู้ที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดที่จะสามารถนำทีมบริหารเข้าไปเป็นตัวแทนชาวสงขลาในการบริหาร อบจ.สงขลา คาดในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา คอการเมืองยังคงมองไปในทิศทางเดียวกันว่า นาทีนี้ “สุพิศ พิทักษ์ธรรม” ผู้สมัคร เบอร์ 5 ทีม “สงขลาพลังใหม่”ถือเป็นเต็ง1 มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยสายป่านทางการเมืองในจังหวัดสงขลาต่างหันมาให้การสนับสนุนอย่างโจ่งแจ้งตั้งแต่ต้น ซึ่งต้อบยอมรับว่าแต่ละคนที่ออกมาประกาศหนุนนายสุพิศ ล้วนกำฐานเสียงของตัวเองชนิดไม่ธรรมดากันเลยทีเดียว ทำใหความพร้อมในการเลือกตั้งหนนี้ของ“สุพิศ พิทักษ์ธรรม”จึงออกนำไปตั้งแต่เริ่มสตาร์ท และเดินหน้าได้เต็มสูบในการหาเสียง สุดท้ายคอการเมืองยังคงคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า “สุพิศ” น่าจะทิ้งห่างคู่แข่งอยู่อีกหลายขุม ภายใต้การชูนโยบาย “พัฒนาสงขลา ให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน” ในขณะที่คู่แข่งอย่าง“ทีมสงขลาเข้มแข็ง” ที่มีนายกแบน “ประสงค์ บริรักษ์” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้างหลายสมัย และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรงงแรงงาน“พิพัฒน์ รัชกิจประการ“ค่ายสีน้ำเงินทึ่กำลังฟู่ฟ่าด้านการเมืองในห้วงเวลานี้ โดยเฉพาะในภาคใต้ที่ทำกระแสให้ได้ติดตามอย่างไม่คลาดสายตา ยิ่งล่าสุดทำเอาการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช พลิกอย่างไม่เป็นท่ามาแล้ว และวันนี้นายกแบนก็ได้นำเอาโมเดลการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีฯมาใช้กับตัวเอง แถมยังดึงเอา ”นายกน้ำ“ ผู้สร้างตำนานให้กับการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีฯ มาช่วยหาเสียง ขึ้นเวทีปราศรัยในการเปิดเวทีปราศรัยแรกกลางเมืองหาดใหญ่ไปแล้ว สร้างความตื่นตาตื่นใจ คนแห่มาฟังล้นสนาม
ทว่าไปแล้วตัวตนของผู้ลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.ที่แตกต่างกันในเรื่องบริบทของพื้นที่ ตัวบุคคล และอีกหลายๆปัจจัย จะให้ผลลัพท์ออกมาเหมือนกันคงไม่ใช่เรื่องง่าย คงไม่ใช่ผลลัพท์ที่ตายตัวอย่างที่คิด จำเป็นต้องงัดกลยุทธที่ทีมยุทธศาสตร์ประเมินแล้วว่าจะสามารถฟาดฟัน แก้ทางหนีทีไล่ เพื่อให้คะแนนเสียงตีตื้นขึ้นมา และสามารถพลิกมาเป็นผู้ชนะได้ในที่สุด
อีกทีมที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้ คือ ทีมพรรคประชาชน หรือที่รู้จักคุ้นชินกันในนามพรรคก้าวไกลในอดีตที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งระดับชาติให้ได้ประจักษ์มาแล้ว สำหรับสนามเลือกตั้งทัองถิ่นครั้งนี้ ในนามทีมพรรคประชาชนได้ส่ง”นายนิรันดร์ จินดานาค“ลงสมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา ซึ่งถือว่าเป็นคนสงขลาอีกคนหนึ่งที่มีความรู้ความสามารถ และถูกมองว่าเป็นทีมที่มีฐานเสียงเป็นของตัวเองที่เหนียวแน่น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มนักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน จึงไม่สามารถที่จะมองข้ามตัวผู้สมัครจากทีมพรรคประชาชนไปได้ แถมยังถูกมองว่า การที่มีผู้สมัครชิงนายกฯหลายคนจะเป็นการแย่งคะแนนเสียงกันเอง ในขณะที่คะแนนเสียงของทีมพรรคประชาชนจะยังคงแน่นแฟ้นไม่มีใครแบ่งไปได้
นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีผู้สมัครอีกหลายคนทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ ว่ากันว่ามีทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจที่จะลงสมัครชิงเก้าอี้นายกฯ แต่ไม่ใช่ประเด็น เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. ขอเพียงมีคุณสมบัติครบถ้วนก็เพียงพอแล้ว ไปวัดกันที่ชาวสงขลาจะเทคะแนนให้ใครมากสุดเท่านั้นเอง
และอีกทีมที่กำลังเป็นกระแสในโซเซียล สำหรับคนที่อยากเปลี่ยน ซึ่งมาภายใต้ชื่อทีม “สงขลา พอกันที” ที่มีชื่อทีมดุดันเอาการกันเลยทีเดียว พอหันไปเห็นชื่อผู้สมัครชิงนายกฯของทีม ชื่อนายสงขลา นามสกุล พอกันที ถึงกับหยุดชะงักไปชั่วขณะ คิดในใจว่ามันคืออะไร ด้วยเหตผลอะไรที่ต้องไปเปลี่ยนชื่อตัวเองให้ตรงกับชื่อทีม แต่ก็ไม่เป็นไรการเมืองก็คือการเมือง โดยทีมสงขลา พอกันที ใช้รถแห่หาเสียง และ เดินพบปะประชาชน โดยเปิด 9 นโยบายพอกันที นำเสนอกับประชาชน พร้อมสร้างภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ ที่ประกาศกร้าว ในทุกเวที “จะไม่ซื้อเสียง”
นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา อีกหลายคนที่ใช้วิธีการหาเสียงด้วยการขึ้นป้ายและเดินพบปะพี่น้องประชาชน เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับตัวเอง และน่าจะประเมินตัวเองออกว่าในการเลือกตั้งหนนี้มีลุ้นคะแนนเสียงที่ได้อยู่ระดับไหน หากคิดที่จะก้าวสู่เส้นทางการเมืองท้องถิ่นแห่งนี้ จะได้นำข้อบกพร่องในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ ไปปรับเปลี่ยน ปรับปรุงเพื่อความแข็งแกร่งในสนามเลือกตั้งสนามหน้าต่อไป นักสู้การเมืองย่อมไม่มีคำว่า“ท้อถอย”
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=93918