เกษตรเขต 5 สงขลา แนะนำแนวทางการจัดการสวนผลไม้ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม
เกษตรเขต 5 สงขลา แนะนำแนวทางการจัดการสวนผลไม้ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม
จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ซึ่งจะมีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 16–19 พฤศจิกายน 2566 โดยพื้นที่ภาคใต้ ได้รับอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา แนะนำให้ชาวสวนไม้ผลในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง เฝ้าระวังและเตรียมการจัดการสวนไม้ผลที่ถูกน้ำท่วมขังให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งไม้ผลแต่ละชนิดมีความทนทานต่อภาวะน้ำท่วมที่แตกต่างกัน จำแนกได้ 3 กลุ่ม คือ
1) กลุ่มที่อ่อนแอมาก ไม้ผลกลุ่มนี้จะตายหลังจากถูกน้ำท่วมขังเพียง 24 ชั่วโมง เช่น มะละกอ จำปาดะ สาเก
2) กลุ่มอ่อนแอปานกลาง ไม้ผลกลุ่มนี้อาจทนอยู่ได้ในระหว่างน้ำท่วม 3-5 วัน เช่น กล้วย ส้มเขียวหวาน ทุเรียนมะม่วง มะนาว ขนุน
3) กลุ่มทนทานได้เล็กน้อย ไม้ผลกลุ่มนี้อาจทนอยู่ได้ในระหว่างน้ำท่วม 7-15 วัน เช่น มะพร้าว หมาก ชมพู่ พุทราละมุด มะขาม โดยมีคำแนะนำในการปฏิบัติสำหรับเกษตรกรในช่วงระหว่างเกิดน้ำท่วมและภายหลังจากน้ำลด ดังนี้
ระหว่างน้ำท่วม เกษตรกรควรเร่งระบายน้ำออกจากสวนไม้ผลเพื่อกู้สวน โดยเตรียมเครื่องสูบน้ำ และทำทางระบายน้ำหาไม้ค้ำยันหรือพยุงต้นไม้ผลที่เอนหรือล้มเพื่อป้องกันการโค่นล้ม และให้ตัดแต่งกิ่งภายหลังน้ำลด
ภายหลังน้ำลด เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเดินย่ำและใช้เครื่องจักรในพื้นที่ขณะดินเปียก ตัดแต่งกิ่งและทรงพุ่ม โดยเอากิ่งแก่ กิ่งที่ฉีกหัก เหี่ยวเฉา แน่นทึบออก ทำการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ผล โดยให้ปู๋ยทางใบสูตรเสมอ(12-12-12) หรือปุ๋ยเกร็ดสูตร (21-21-21) พร้อมพรวนดินเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่รากพืช นอกจากนี้ขอให้ใช้สารเคมีกันเชื้อราราดหรือทาโคนต้นไม้เพื่อป้องกันโรครากเน่า หรือใส่สารชีวภัณฑ์ (ไตรโคเดอร์มา) เพื่อป้องกันเชื้อราในดินหรือใช้ปูนขาวปรับสภาพดินให้เป็นกลาง เพื่อป้องกันการเกิดโรครากเน่าและโคนเน่า รวมทั้งอาจจำเป็นต้องปลูกซ่อมแซมต้นไม้ผลที่ตายด้วย ทั้งนี้ ขอเชิญชวนให้เกษตรกรดำเนินการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากเกษตรกรที่ทำการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย และมีพื้นที่เสียหายอย่างสิ้นเชิงอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ จะได้รับความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 โดยเกษตรกรจะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่น ๆ ไร่ละ 4,048 บาท ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=83761