|

เตือนภัย! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้แผน “ตีสนิท 2 วัน” เหยื่อเชื่อสนิทใจ หลอกยืมเงิน สูญ 5,000 บาท

เตือนภัย! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้แผน “ตีสนิท 2 วัน” เหยื่อเชื่อสนิทใจ หลอกยืมเงิน สูญ 5,000 บาท

สงขลา – ชายวัย 50 ปี พนักงานบริษัทชื่อดังในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังถูกหลอกตีสนิทผ่านเบอร์โทรศัพท์ใหม่ อ้างเป็นลูกน้องที่รู้จัก ก่อนวางแผนหลอกยืมเงินในวันถัดมา สูญเงินไป 5,000 บาทโดยไม่ทันรู้ตัว

แผนลวงขั้นแรก: เสียงคุ้นเคยจากเบอร์ใหม่

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2568 ระหว่างช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้เสียหายพร้อมครอบครัวเดินทางจากหาดใหญ่ไปพักผ่อนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในช่วงค่ำ ได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขไม่รู้จัก ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงที่ฟังดูคุ้นเคย คล้ายลูกน้องในที่ทำงาน เลยเอ่ยชื่อลูกน้องคนดังกล่าวออกไป ปลายสายได้โอกาสสวมรอยโดยระบุว่าโทรศัพท์เสีย ใช้เบอร์ใหม่ในการติดต่อ และขอให้บันทึกเบอร์นี้ไว้ ผู้เสียหายไม่ทันระวัง จึงได้บันทึกเบอร์ไว้โดยไม่เอะใจ

แผนลวงขั้นที่สอง: ขอความช่วยเหลือยืมเงิน

เช้าวันที่ 15 เมษายน 2568 ระหว่างขับรถกลับมายังอำเภอหาดใหญ่ ผู้เสียหายได้รับสายจากหมายเลขเดิม ปลายสายซึ่งเหยื่อเข้าใจว่าเป็นลูกน้อง แจ้งว่ากำลังจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่แต่เงินไม่พอ แอปธนาคารเข้าไม่ได้ และติดต่อที่ธนาคารแล้วเขาบอกให้นำโทรศัพท์ไปยืนยันตัวตนใหม่ที่ธนาคาร จึงขอให้ช่วยโอนเงินให้ก่อน 5,000 บาท โดยจะคืนให้ทันทีหลังยืนยันตัวตนเสร็จ โดยที่ปลายสายยังอ้างอีกว่า เลขที่บัญชีที่ส่งมาให้เป็นของเจ้าของร้านขายมือถือ เพราะบัญชีตัวเองใช้ไม่ได้ในขณะนี้ และยังบอกอีกว่า หากโอนแล้วส่งสลิ๊ปการโอนมาให้ด้วย หลังจากนั้นก็ได้ทำการโอนเงินให้ไปตามคำขอเป็นที่เรียบร้อย

รู้ตัวช้าไป เพิ่งพบความจริงเมื่อสาย

กระทั่งช่วงค่ำวันเดียวกัน เมื่อยังไม่ได้รับเงินคืน ผู้เสียหายพยายามโทรกลับไปยังหมายเลขดังกล่าวแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ จึงตัดสินใจโทรไปยังเบอร์เก่าของลูกน้องที่เข้าใจว่าเป็นผู้ติดต่อ ปรากฏว่าลูกน้องรับสาย แต่ไม่ทราบเรื่องราวใดๆเลย จึงรู้ตัวในที่สุดว่าตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เตือนภัยประชาชน: อย่าประมาทแม้เพียงเสี้ยววินาที

ผู้เสียหายกล่าวว่า แม้ตนจะติดตามข่าวสารและระมัดระวังเรื่องมิจฉาชีพอยู่ตลอด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ เพราะเพียงความเผลอไม่กี่วินาที กลับทำให้ตกเป็นเหยื่อได้อย่างง่ายดาย

สรุปบทเรียน: อย่าหลงเชื่อแม้จะ “ดูเหมือนใช่”

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า กลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้พัฒนาอย่างแนบเนียน จากเดิมที่เน้นข่มขู่หรือปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เปลี่ยนมาใช้วิธี “ตีสนิทแบบค่อยเป็นค่อยไป” อาศัยจังหวะในช่วงวันหยุด หรือเวลาที่เหยื่อไม่ทันระวัง เช่น ขณะเดินทาง พักผ่อน หรืออยู่ในที่สาธารณะ

 

บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์นี้คือ:

 ความคุ้นเคย ไม่ใช่ความจริง

# แค่ “เสียงคล้าย” ไม่ได้แปลว่าเป็นคนรู้จักจริง อย่ารีบเอ่ยชื่อ หรือบันทึกเบอร์ใหม่หากยังไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าตัว

 ชื่อบัญชี = ตัวตน

# หากต้องโอนเงิน ควรตรวจสอบว่า ชื่อบัญชีธนาคารตรงกับผู้ขอจริงหรือไม่ หากไม่ตรง ให้หยุดทันที และสอบถามให้แน่ชัด

 ยืนยันตัวตนผ่านช่องทางเดิม

# หากมีผู้ติดต่อมาขอเปลี่ยนเบอร์ ควรโทรกลับไปยังเบอร์เก่าหรือช่องทางที่เคยใช้สื่อสาร เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก อีเมล ฯลฯ เพื่อยืนยันตัวตนก่อน

 อย่าตัดสินใจระหว่างเดินทางหรือเร่งรีบ

# การอยู่ในสถานการณ์ที่เร่งด่วนหรือเหนื่อยล้า จะทำให้การตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย

 อย่ารู้ทันแค่ข่าว ต้องรู้เท่าทันกลวิธี

# แม้จะเคยฟังข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาแล้ว ก็อาจพลาดได้ หากไม่ระวังในรายละเอียดของสถานการณ์จริง

 

ข้อควรระวังจาก “สมิหลาไทมส์”

  • มีผู้ติดต่อมาอ้างว่าเป็นคนรู้จัก ขอให้ ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
  • อย่าโอนเงินให้ใครก็ตามหากชื่อบัญชี ไม่ตรงกับชื่อเจ้าตัว
  • หากสงสัย ควรติดต่อผู้ที่อ้างตัวโดยตรงผ่านช่องทางที่เคยใช้สื่อสารกัน
  • เมื่อมีความผิดปกติ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทันที

 

สมิหลาไทมส์ ขอเป็นสื่อกลางเตือนภัยสังคม เพื่อให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่ยังคงเปลี่ยนรูปแบบกลโกงอย่างต่อเนื่อง

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=98271

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us