โปรเจค นศ. มทร.ศรีวิชัย ใช้งานได้จริง ‘ระบบเครื่องตรวจวัดระดับฝุ่นละอองในอากาศ แสดงผลผ่านอินเทอร์เน็ต’
ว่าที่ ร.ต.หญิงปัฐมวรรณ เลขจิต นางสาวสิริมา นวลจันทร์ และนางสาวอทิตยา สมบูรณ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ไสใหญ่ โดยมี ดร.ประเสริฐ นนทกาญน์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาคิด และสร้างระบบเครื่องตรวจวัดระดับฝุ่นละอองในอากาศ แสดงผลผ่านอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมลพิษในอากาศเป็นภาวะอากาศที่มีสารเจือปนอยู่ในอากาศถ้าหากมีปริมาณที่สูงกว่าระดับปกติ เป็นระยะเวลานานจะส่งผลทำให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์ สัตว์และพืช โดยทั่วไปฝุ่นละอองนั้นมีอยู่ในธรรมชาติ ฝุ่นละอองขนาดใหญ่จะถูกกรองโดยร่างกายมนุษย์คือขนจมูก แต่จะมีฝุ่นขนาดเล็กขนาด PM2.5 นั้นจะสามารถเล็ดลอดผ่านขนจมูก เข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ปกติฝุ่นขนาดใหญ่จะมีน้ำหนักมากตกลงสู่พื้นตามแรงดึงดูดของโลก แต่ในกรณีของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) และฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) จะมีน้ำหนักที่น้อยมากสามารถลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานและปะปนกับมลพิษอื่นในอากาศ
สำหรับการออกแบบระบบดังกล่าวได้แบ่งส่วนประกอบหลัก 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนระบบ Real – Time ที่แสดงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและระบบควบคุมการทำงานของเซนเซอร์ ซึ่งเป็นการทำงานในรูปแบบของระบบเทคโนโลยี Internet of Things ที่เป็นการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายโดยใช้เซนเซอร์ต่างๆ ในการวัดค่าคุณภาพอากาศ และสามารถเตือนเมื่อคุณภาพอากาศเกินมาตรฐาน โดยระบบจะทำการรับค่าผ่านเซนเซอร์แต่ละตัวหลังจากนั้นส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ และแสดงผลผ่านจอ LCD PC/NB และ Mobile Monitor และมีการบันทึกผลในรูปแบบไฟล์ Excel และหากค่าเซนเซอร์มีค่าไม่ตรงกับค่าที่ผู้ใช้กำหนดที่กำหนดไว้ ระบบจะทำการแจ้งเตือนผ่านทางระบบไลน์ให้ผู้ใช้ทราบ
จากการคิดและสร้างผลงานดังกล่าว ได้นำไปส่งมอบ พร้อมติดตั้งให้กับเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 5 จุด ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดขั้นตอน และเวลาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าวัดระดับฝุ่นละอองในอากาศ โดยมีการแจ้งเตือนและรายงานผ่านทางระบบไลน์
หากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ดร.ประเสริฐ นนทกาญจน์ อาจารย์ประจำ สาขาเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ไสใหญ่ โทรศัพท์ 084-6821161
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=54660