แจงความคืบหน้าเหตุคนร้ายก่อเหตุปล้นร้านทองกลางห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
แจงความคืบหน้าเหตุคนร้ายก่อเหตุปล้นร้านทองกลางห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 18.29 น. เกิดเหตุคนร้าย
ไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ปล้นร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี
อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ สิบเอก บุริศวร์ ระดาชัย สังกัดหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ถูกยิงได้รับบาดเจ็บขณะพยายามนำอาวุธประจำกายจากรถยนต์
ของตนเองเข้าขัดขวาง เบื้องต้นได้นำส่งผู้บาดเจ็บไปรักษาที่ รพ.สุไหง-โกลก ปัจจุบันอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว จากเหตุการณ์ดังกล่าว พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ขอแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ที่ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ของผู้ไม่หวังดี
จากการตรวจสอบมีเหตุการณ์ต่อเนื่องอีกหลายเหตุการณ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
⌛️ เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ อส. รายงานพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายถังแก๊ส ขนาด 15 กิโลกรัม วางไว้บริเวณจุดกลับรถหน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสุไหงโก-ลก
⌛️ เวลา 18.33 น. พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยสวมหมวกคลุมศีรษะ ซึ่งคาดว่าเป็นผู้วางวัตถุดังกล่าวและยิงปืนขึ้นฟ้า สร้างสถานการณ์หวาดกลัว
⌛️ เวลา 18.36 น. เกิดเหตุปล้นร้านทองเยาวราชกรุงเทพภายในห้างบิ๊กซี ผู้ก่อเหตุชิงทองคำไปได้จำนวนหนึ่ง
⌛️ เวลา 18.47 น. สิบเอก บุริศวร์ ถูกยิงจากอาวุธปืนพกและอาวุธยาวขนาด 5.56 มม. ขณะพยายามนำอาวุธประจำกายจากรถยนต์ของตนเองเข้าขัดขวาง
⌛️ เวลา 18.55 น. รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบริเวณทางรถไฟโต๊ะลือเบ เขตเทศบาลสุไหงโก-ลก
⌛️ เวลา 19.45 น. เกิดเหตุระเบิดอีกครั้งในพื้นที่ชุมชนเคหะ เขตเทศบาลสุไหงโก-ลก
เจ้าหน้าที่ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณจุดกลับรถหน้าห้างบิ๊กซี รวมทั้ง ตะปูเรือใบ วางตามถนนหลายจุด ซึ่งคาดว่าถูกใช้เพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นได้ปิดกั้นพื้นที่และประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เข้าดำเนินการอย่างเร่งด่วน
สำหรับยานพาหนะที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ คาดว่าทำการปล้นรถยนต์จากพื้นที่ ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส และขับมาก่อเหตุในพื้นที่ อำเภอสุไหงโก- ลก โดยเมื่อเวลา 19.20 น. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าเกิดเหตุปล้นรถยนต์ในพื้นที่ จำนวน 2 คัน คือ
– คันที่ 1 เป็นรถยนต์ดีแม็ก สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 6521 นราธิวาส เกิดเหตุบ้านเลขที่ 277 หมู่ที่ 4 ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเวลาประมาณ 17.00 น.
– คันที่ 2 เป็นรถยนต์กระบะ โตโยต้าวีโก้ เหตุเกิดเวลาประมาณ 17.20 น.
ความคืบหน้าล่าสุดเจ้าหน้าที่ ตรวจพบรถต้องสงสัยดังกล่าว จำนวน 2 คัน จอดทิ้งไว้บริเวณบ้านตอออ หมู่ที่ 1 ตำบลกายูคละ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการควบคุมพื้นที่เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งประสานชุด EOD เก็บกู้วัตถุระเบิด และชุดเก็บพยานหลักฐานเข้าดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
ภายหลังทราบเหตุ พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยกำลังในพื้นที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหาร เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ หน่วยกำลังทุกหน่วยเข้ากดดันเต็มพื้นที่ ทั้งในพื้นที่ป่าเขา และในเขตเมือง ปฏิบัติตามแผนป้องกันเมืองเศรษฐกิจ ในระดับเตรียมพร้อม 100 % และเน้นย้ำหน่วยป้องกันชายแดน เพิ่มความเข้มการปฏิบัติตามแนวชายแดน ไทย-มาเลเซีย เพื่อป้องกันการหลบหนี เพ่งเล็งยานพาหนะที่ก่อเหตุ บุคคลต้องสงสัย รวมถึงเส้นทางที่อาจใช้ในการหลบหนี ตลอดจนประสานขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านในการติดตามคนร้าย และรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงการติดตามทางกล้องวงจรปิด เพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการสร้างสถานการณ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนเจตนาที่ชัดเจนของผู้ก่อเหตุในการใช้ความรุนแรงเพื่อหวังประโยชน์ทางการเงิน เพื่อมาหล่อเลี้ยงกลุ่มขบวนการของตน โดยมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบและวิเคราะห์พฤติกรรมย้อนหลัง พบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้การปล้น ลักทรัพย์ และจี้ชิงทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้ในการก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้ออาวุธ วัสดุประกอบระเบิด ยานพาหนะเพื่อทำระเบิด และใช้ในการก่อเหตุร้าย โดยที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลักษณะต่อระบบเศรษฐกิจ เช่น ปล้นตู้ ATM หลายจุดในวันเดียว เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 , ปล้นห้างทองสุธาดา มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ในพื้นที่ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2562 และลักษณะการก่อเหตุต่อที่ว่าการอำเภอตากใบ ซึ่งรูปแบบการก่อเหตุเป็นลักษณะเดียวกัน คาดว่าเป็นการกระทำของกลุ่ม BRN สิ่งบอกเหตุแสดงว่ากลุ่มขบวนการขาดเงินทุนในการก่อเหตุ เป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่ เข้าดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเส้นทางการเงินซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มขบวนการ อาทิเช่น ภัยแทรกซ้อนที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น ยาเสพติด สินค้าที่ผิดกฎหมาย และ น้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มขบวนการ จึงเป็นสิ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าว มิได้กระทำตามอุดมการณ์ที่อ้างต่อพี่น้องประชาชน เป็นเพียงกลุ่มโจรซึ่งกระทำทุกอย่างเพียงประโยชน์ของกลุ่มตนเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอประณามการกระทำเยี่ยงโจรดังกล่าว ซึ่งส่งผลต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน รวมถึงการไม่คำนึงปากท้องของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยหรือวัตถุต้องสงสัยหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการติดตามผู้ก่อเหตุ สามารถแจ้งเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 โทร.1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจใกล้บ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง และย้ำว่า ผู้สนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการให้ที่พักพิง ซ่อนตัว หรือจัดหาเสบียง ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 อาจถูกจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=102452