วันพุธ, พฤศจิกายน 26th, 2025 |

รมต.ธรรมนัส บินด่วน ระดมทีมเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ กรมส่งเสริมการเกษตรขานรับชูปฏิบัติการ เร็ว-ครบ-แม่นยำ

Post Views: 48

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายพีระพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ฝนหลวงบินสำรวจความเสียหายทั่วพื้นที่ และได้สั่งการระดมกำลังทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน และ “เร่งระบายน้ำ” ออกจากทะเลสาบสงขลาลงสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด

ในส่วนกรมส่งเสริมการเกษตร นายพีระพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ได้สั่งการมอบหมายให้นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่ภาคใต้ เป็นผู้อำนวยการหน่วยฯ และนายภูวเดช วุฒิวงศ์วัฒ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เป็นรองผู้อำนวยการหน่วยฯ ในการสนับสนุนการเกษตรด้านพืช เชื่อมโยงประสานการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) ซึ่งมีร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้อํานวยการศูนย์ฯ

สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้พื้นที่ภาคใต้ประสบภัยพิบัติด้านพืชแล้ว จำนวน 10 จังหวัด 100 อำเภอ 648 ตำบล 4,501 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรประสบภัยรวมทั้งสิ้น 957,382 ไร่ พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 190,356 ไร่ เกษตรกรคาดว่าจะเสียหาย จำนวน 82,221 ครัวเรือน จังหวัดที่มีพื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหายมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดสงขลา พื้นที่ 88,757 ไร่ รองลงมาคือ นครศรีธรรมราช 31,235 ไร่ และปัตตานี 17,740 ไร่ ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นนาข้าว ไม้ผลไม้ยืนต้น และพืชผัก เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูกาลทำนาในพื้นที่ภาคใต้

สำหรับการปฏิบัติการ “เร็ว–ครบ–แม่นยำ” นั้น อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรสั่งการให้เจ้าหน้าที่จะเร่งเข้าพื้นที่ตัดขาดและพื้นที่เสี่ยงก่อนเป็นลำดับแรก และจัดทำฐานข้อมูลความเสียหายภาคเกษตรแบบมีพิกัด เพื่อรองรับมาตรการเยียวยาและแผนฟื้นฟูทันทีหลังน้ำลด ลดความเสี่ยงการช่วยเหลือซ้ำซ้อน ตลอดจนคุ้มครองสิทธิ์ของเกษตรกรทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม และเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หลังน้ำลดต้องดำเนินการตามแผนเชิงรุกร่วมกับอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ในการสำรวจและรับรองข้อมูลความเสียหายตามแบบ กษ 01 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2568 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ 2564 ให้เกษตรกรได้รับเงินช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ซึ่งอัตราการช่วยเหลือจะแตกต่างกันตามประเภทของพืช กรณีเสียหายสิ้นเชิงข้าวจะอยู่ที่ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผักไร่ละ 1,980 บาท และไม้ผลไม้ยืนต้นไร่ละ 4,048 บาท ซึ่งเกษตรกรจะได้รับความช่วยเหลือไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ และต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ก่อนเกิดภัย พร้อมจัดทำแผนฟื้นฟูและมาตรการสนับสนุนรายพื้นที่ รายชนิดพืช และจัดลำดับพื้นที่ที่ต้องเร่งฟื้นฟู เพื่อเตรียมสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ กล้าพันธุ์ทดแทน และแนวทางการฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยกำหนดแผนฟื้นฟู ระยะ 30–90 วัน อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วย

ด้านนายภูวเดช วุฒิวงศ์วัฒ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ให้ข้อมูลว่า ในส่วน ศปภ. ที่ 5 ได้ปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนการจัดทำข้อมูลแจ้งเตือนสถานการณ์ ข้อมูลเกษตรกรและพื้นที่คาดว่าจะเสียหายโดยภาพรวมประจำวัน เพื่อช่วยเหลือตามระเบียบฯ และแผนเตรียมการช่วยเหลือฟื้นฟู

ตามข้อสั่งการฯ ตลอดจนจัดหาสิ่งของเพื่อสนับสนุนโรงครัวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยในวันนี้ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต นำทีมงานส่งมอบข้าวสารจำนวน 4 กระสอบ ให้กับกรมประมงเพื่อสนับสนุนโรงครัวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้จังหวัดสงขลา นอกจากนี้กรมส่งเสริมการเกษตร โดยผู้อำนวยการกองขยายพันธ์ุพืช (นายนิพิจ พินิจผล) สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 4,000 บาท เพื่อจัดซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ผ่าน ศปภ.ที่ 5 เพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในภาคใต้แม้ประสบภัยพิบัติก็ได้ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงานให้การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างสุดกำลัง