ด่านอรหันต์ของครูรางวัล “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี”
ครูผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับการพิจารณาเพื่อรับรางวัล “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี”ทั้งอาเซียนและติมอร์เลสเต ต้องฝ่าด่านอรหันต์จนกว่าจะถึงด่านสุดท้าย (ของไทย) ดังนี้
๑.คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะ ๑.๑ คุณสมบัติทั่วไป (๑) มีสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (๒) ปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (๒.๑) เป็นหรือเคยเป็นครูผู้สอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสถานศึกษา (๒.๒) เป็นหรือเคยเป็นครูนอกสถานศึกษาผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (๓) มีประสบการณ์การทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ (๓.๑) ปฏิบัติงานสอนอย่างต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๒๐ ปี นับถึงวันที่ออกประกาศนี้(๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙) (๓.๒) ปฏิบัติงานสอนอย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๕ ปีและเป็นผู้บริหารสถานศึกษาหรือเป็นผู้จัดการเรียนรู้มาไม่น้อยกว่า ๕ ปีนับถึงวันออกประกาศนี้ (๔) ปฏิบัติงานสอนหรืองานด้านการศึกษาอยู่จนถึงวันรับพระราชทานรางวัล (๕) ไม่เป็นผู้ประกอบอาชีพครูสอนพิเศษเป็นอาชีพหลัก ๑.๒ คุณสมบัติเฉพาะ (๑) เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์เจริญก้าวหน้าสู่ความสำเร็จในชีวิต มีความอตสาหะในการทำภารกิจความเป็นครูมาโดยตลอดด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู จนมีลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายแวดวงอาชีพกล่าวยกย่องถึงคุณงามความดี (๒) เป็นผู้มีคุณูปการต่อการศึกษา เป็นแบบอย่างทั้งทางจริยธรรมและการทำงานที่ทุ่มเทกับการสอนหรือการจัดการเรียนรู้ การค้นคว้าพัฒนาการสอนหรือการเรียนรู้ จนมีความแตกฉานทั้งในเนื้อหาและการจัดกระบวนการเรียนรู้ในส่วนที่รับผิดชอบ
๒.ผู้มีสิทธิ์เสนอชื่อ ประกอบด้วย ๑) สถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา สถานศึกษาละ ๑ คน เสนอต่อคณะกรรมการระดับจังหวัด ๒) สมาคม มูลนิธิและองค์กรซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีภารกิจส่งเสริมการเรียนรู้ องค์กรละ ๑ คน ต่อคณะกรรมการระดับจังหวัด ๓) ลูกศิษย์ที่เป็นศิษย์เก่า อายุไม่น้อยกว่า ๒๕ ปี และเป็นผู้ที่เคยสอนตนมาก่อน เสนอได้เพียงคนเดียวต่อคณะกรรมการระดับจังหวัด
๓.ขั้นตอนการคัดเลือก
ขั้นตอนที่ ๑. การคัดเลือกระดับจังหวัด โดยคณะอนุกรรมการฯแล้วเสนอให้คณะกรรมการระดับจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยประกาศรายชื่อครูที่ผ่านการพิจารณาระดับจังหวัดทั้ง ๔ คน เพื่อการทักท้วงผลการคัดเลือก ภายใน ๑๐ วันทำการโดยการทักท้วงเป็นหนังสือไปยังคณะกรรมการระดับจังหวัด เสร็จแล้วคณะกรรมการระดับจังหวัดส่งรายชื่อครูผู้ได้รับการคัดเลือกพร้อมประวัติและผลงาน เอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาและบันทึกสรุปความโดดเด่นของครูผู้ได้รับการคัดเลือกแต่ละบคคลตามแบบที่กำหนดไปให้คณะกรรมการคัดเลือกในส่วนกลาง
ขั้นตอนที่ ๒. คณะกรรมการคัดเลือกในส่วนกลางเป็นผู้พิจารณาและให้ความเห็นชอบรายชื่อที่คณะกรรมการระดับจังหวัดเสนอมาแล้วคัดเลือกเหลือ ๒๐ คน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการวิชาการ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี โดยพิจารณาจากเอกสารหลักฐานที่ได้รับจากคณะกรรมการระดับจังหวัดและวิธีการอื่นที่เหมาะสม เช่น สัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตการสอนหรือร่วมทำกิจกรรม แล้วส่งรายชื่อครูผู้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกลำดับที่ ๑-๓ พร้อมประวัติและผลงาน เอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาและบันทึกสรุปความโดดเด่นของครูไปให้คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีโดยเรียงลำดับตามผลการคัดเลือก
ขั้นตอนที่ ๓. การพิจารณาตัดสิน คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีพิจารณาตัดสินให้ครู ๑ คนได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี การตัดสินของคณะกรรมการมูลนิธิฯถือเป็นที่สุด
รางวัล
๑.ครูผู้มีคะแนนสูงสุดจากการตัดสินของคณะกรรมการมูลนิธิฯจะได้รับ “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” ประกอบด้วย เหรียญทอง เข็มเชิดชูเกียรติทองคำพระราชทาน โล่ประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัลจำนวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ จำนวน ๑ รางวัล
๒.ครูผู้มีคะแนนลำดับที่ ๒และ๓ จะได้รับ “รางวัลคุณากร” ประกอบด้วย เหรียญเงิน เข็มเชิดชูเกียรติพระราชทานและเกียรติบัตร
๓.ครูผู้มีคะแนนลำดับที่ ๔-๒๐ จากการตัดสินของคณะกรรมการคัดเลือกในส่วนกลาง จะได้รับ “รางวัลครูยิ่งคุณ” ประกอบด้วย เหรียญทองแดง เข็มเชิดชูเกียรติพระราชทานและเกียรติบัตร
๔.ครูผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมกาคัดเลือกระดับจังหวัดทุกท่านจะได้รับ “รางวัลครูขวัญศิษย์” ประกอบด้วย เข็มเชิดชูเกียรติพระราชทานและเกียรติบัตร
นี่คือด่านอรหันต์ของครูจากสงขลาทั้ง ๔ ท่านที่จะต้องฝ่าไปให้ได้ แต่จะอย่างไรก็ตาม ครูทั้ง ๙ ของจังหวัดสงขลาที่ได้รับการเสนอชื่อโดยสถานศึกษาบ้าง ลูกศิษย์บ้าง ล้วนเป็นปูชนียบุคคล เป็นครูดีที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี รางวัลคุณูปการ รางวัลยิ่งคุณและครูขวัญศิษย์”เป็นเพียงปลายทางสูงสุดของชีวิตครูในทางสังคมระดับอาเซียน แต่ในระดับสังคมและชุมชนเท่าที่พวกเราคณะอนุการรคัดเลือกระดับจังหวัดได้ไปสัมผัสมาทั้ง ๙ ชุมชนเราต่างรับรู้โดยประสาทสัมผัสว่า ครูเหล่านี้คือมิ่งคือขวัญ คือความหวังและที่พึ่งพาของสังคม ชุมชนในกระแสวัตถุนิยมครองโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ หากจะอ่อนด้อยอยู่บ้างก็เพียงว่าสังคมที่ครูเหล่านั้นทำหน้าที่อยู่มีจิตสำนึกในการรับรู้และให้คุณค่าในการทำหน้าที่ของครูของตนเองมากน้อยแค่ไหน ซึ่งไม่ใช่ความผิดของครูแต่อย่างใดเพราะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ “เรียกร้องคนอื่นต่ำ แต่เคร่งครัดต่อตนเองสูง”หรือ “เรียกร้องตนเองแต่ผ่อนปรนคนอื่น”
สงขลาเราโชคดีที่มีครูแบบนี้อยู่บ้างซึ่งคงไม่ใช่แค่ ๙ คน แต่เป็นเพียง ๙ คนที่โดดเด่นและมีคนมองเห็นคุณความดีอันนี้ จึงขอขอบพระคุณสถานศึกษา ชุมชน ผู้ปกครองและศิษย์เก่าที่กตัญญูต่อปูชนียบุคคลเหล่านี้สมตามหลักธรรมทางศาสนาพุทธว่า “ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายแห่งคนดี”ครับ
มาช่วยเติมคนดีให้กับสังคมเพื่อให้คนดีได้มีที่ยืนแทนคนไม่ดีทั้งหลายกันเถอะครับ
จรูญ หยูทอง
ในนามคณะอนุกรรมการและกรรมการคัดเลือกครูเพื่อรับ “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จังหวัดสงขลา”
๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=11389