เรามีมหาวิทยาลัยไปทำไม(๑)
เรามีความเชื่อกันมานานแล้วว่า “มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเจริญเติบโตของประเทศชาติและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชน” ประเทศไทยในปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยนับร้อยแห่งและในอดีตมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมีลักษณะร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งคือการเป็น “ส่วนราชการ”หรือหน่วยงานราชการ และบทสรุปสำหรับสังคมไทยที่มีหน่วยงานราชการมาเกือบสองร้อยปี เราสรุปกันมานานแล้วว่า “ระบบราชการไทยพัฒนาการช้าและล้าหลัง” จึงมีผู้พยายามเอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบราชการเป็น “มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาล” ด้วยความหวังว่ามหาวิทยาลัยน่าจะเติบโตได้ดีกว่าและเร็วกว่าอยู่ในระบบราชการ แต่สุดท้ายก็หาเป็นเช่นนั้นไม่
ว่ากันว่ามหาวิทยาลัยของรัฐเป็นขุมกำลังทางปัญญาของประเทศ เป็นฐานรากอันสำคัญที่จะรองรับการพัฒนาด้านต่างๆเพื่อผลิตบุคลากรในระดับสูงออกสู่สังคมและสร้างสมความรู้และศักยภาพในทางวิชาการโดยผ่านกระบวนการศึกษา ค้นคว้า วิจัย เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นเวลายาวนานกว่าร้อยปี นับตั้งแต่ยุคสมัยการสร้างชาติและสร้างรัฐสมัยใหม่ในรัชกาลที่ห้า ผ่านยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ มาจนถึงปัจจุบัน ยุคข้อมูลข่าวสารที่มีความเปลี่ยนแปลงและมีพลวัตอย่างมากในปัจจุบัน อันเป็นยุคสมัยที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในระบบสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
นิยามความหมายของคำว่า “การอุดมศึกษา” คือการศึกษาระดับสูงกว่ามัธยมศึกษาหรือหลังมัธยมศึกษา เป็นการศึกษาที่ว่าด้วยความรู้วิชาการชั้นสูง เป็นวิทยาการที่ลึกซึ้งและกว้างขวาง ตลอดจนมุ่งในการสร้างความเจริญทางวิทยาศาสตร์และการงานระดับต่างๆ
ยูเนสโกนิยามการอุดมศึกษาไว้ว่า “แผนการศึกษา การฝึกอบรมหรือการฝึกอบรมเพื่อการวิจัยในระดับที่เหนือกว่ามัธยมศึกษาที่จัดโดยมหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาอื่นซึ่งได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจและ/หรือผ่านระบบการรับรองให้เป็นสถาบันอุดมศึกษา”
ลักษณะขององค์ความรู้ หมายถึงวัตถุแห่งการศึกษาสำหรับอุดมศึกษา เป็นการศึกษาที่มีการอ้างอิงความรู้ที่ได้ในการศึกษาระดับก่อนหน้าค่อนข้างน้อย อาจอาศัยเพียงความรู้พื้นฐานในระดับที่จำเป็นเพื่อรับเอาองค์ความรู้ในระดับอุดมศึกษาซึ่งมีทั้งความรู้ที่คล้ายคลึงกับที่มีในการศึกษาระดับก่อนหน้านี้แต่มีความละเอียดและสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น
ลักษณะของผู้รับการศึกษา มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าระดับก่อนหน้านี้ อาจเริ่มจากวัยรุ่นตอนกลางจนถึงผู้สูงอายุ เรียกว่านิสิต นักศึกษา มุ่งสร้างผู้รอบรู้
ระดับและระยะเวลาของการศึกษา กำหนดระดับการศึกษาไว้ ๔ ระดับ ๑) การศึกษาระยะสั้น เน้นให้มีความรู้ ทักษะและความสามารถในอาชีพเฉพาะทางและเพื่อเตรียมคนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ใช้ระยะเวลาศึกษาอย่างน้อย ๒ ปี ๒) ระดับปริญญาบัณฑิตหรือเทียบเท่า ถ่ายทอดวิชาในทางทฤษฎีหรือวิชาชีพในทางปฏิบัติ ใช้ระยะเวลาศึกษาตั้งแต่ ๓-๔ ปีหรือมากกว่า ๔ ปี ๓) การศึกษาระดับปริญญามหาบัณฑิต หรือเทียบเท่า มุ่งเน้นการถ่ายทอดวิชาการและวิชาชีพชั้นสูงและอาจมีการวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย ๕ ปี ๔) การศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิตหรือเทียบเท่า เป็นการศึกษาเพื่อการวิจัยขั้นสูงทั้งสายวิชาการและสายวิชาชีพ ด้วยระยะเวลาศึกษาอย่างน้อย ๓ ปี
สำหรับของประเทศไทยกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติกำหนดระดับคุณวุฒิของระดับอุดมศึกษาไว้ ๖ ระดับคือ ๑) อนุปริญญา(๓ ปี) ๒) ปริญญาตรี ๓) ประกาศนียบัตรบัณฑิต ๔) ปริญญาโท ๕) ประกาศนียบัตรชั้นสูง ๖) ปริญญาเอก
องค์กรที่ทำหน้าที่จัดการศึกษา เรียกว่าสถาบันอุดมศึกษา ประกอบด้วย มหาวิทยาลัย วิทยาลัย สถาบัน ฯลฯ
เป้าหมายและภารกิจของการอุดมศึกษา ในต่างประเทศกำหนดไว้สั้นๆห้วนๆว่า “มหาวิทยาลัยนั้นเกี่ยวกับการสอนและการวิจัย” นอกจากนั้นมีการนิยามกันไว้ต่างๆนานา เช่น “เป็นที่ซึ่งอุทิศแก่การแสวงหาศาสตร์และความเป็นนักวิชาการ การวิจัยและการสอน แสวงหาช่องทางที่มีส่วนให้เกิดการบ่มเพาะสติปัญญา เป็นหนทางสำคัญที่สัจธรรมปรากฏความหมายและเป็นที่ประจักษ์ชัด
ภารกิจของมหาวิทยาลัยจำแนกได้เป็น การวิจัย การถ่ายทอดการเรียนรู้ การศึกษาและวัฒนธรรมซึ่งไม่อาจแบ่งแยกบทบาทหนึ่งออกจากบทบาทหนึ่งได้ การบรรลุภารกิจต้องแลกเปลี่ยนกันระหว่างนักคิด นักวิชาการ ผู้สอน ผู้เรียนและผู้เรียนด้วยกัน
หลักการของการอุดมศึกษา ประกอบด้วย ๑) ความเป็นอิสระในการดำเนินภารกิจ โดยปราศจากการแทรกแซงจากอิทธิพลภายนอก ๒) เสรีภาพทางวิชาการ
หมายเหตุ
เก็บความจาก สุรพล นิติไกรพจน์(๒๕๕๙). มหาวิทยาลัยไทย : พัฒนาการ มหาวิทยาลัยในกำกับและกฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารงาน.
โดย..จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=15060