ประชุมลับ-ห้ามนักข่าว ผวจ.สตูลเครียร์มาเฟียเกาะหลีเป๊ะ
ผู้ว่าฯไล่นักข่าว ปิดห้องประชุม ถกเครียด ปัญหาเกาะหลีเป๊ะ เงินสะพัดปีหลายล้าน หลังผู้ประกอบการท่องเที่ยว จ.สตูล ร้อง ศูนย์ดำรงธรรม (ศธ.) พบเจ้าหน้าที่ไม่โปรงใส มีเอี่ยว เก็บเงินเข้ากระเป๋า ค่าเรือหางยาวขึ้นเกาะหลีเป๊ะ
เมื่อวันที่วันที่ 7 เม.ย. 2560 ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.สตูล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไกรวุฒิ ชูสกุล ตัวแทน ผู้ประกอบการเรือ เฟอร์รี่ และเรือสปรี๊ทโบ๊ท ที่วิ่งจากปากบารา – เกาะหลีเป๊ะ พร้อมพวก ได้เดินทางจากท่าเรือปากบารา มายังศูนย์ดำรงธรรม จ.สตูล เพื่อยื่นหนังสือให้ทาง ผวจ.สตูล แต่เนื่องจากทาง ผวจ.สตูล ไม่สามารถที่จะเดินทางมารับได้ จึงได้ยื่นหนังสือผ่านทางศูนย์ดำรงธรรม จ.สตูล โดยมีนายศักดา วิทยาศิริกุล ปลัดจังหวัดสตูล เป็นผู้รับหนังสือ โดยสาเหตุในการยื่นหนังสือร้องเรียน เนื่องจากทางผู้ประกอบการเรือเกาะหลีเป๊ะ สุดทุนกับข้าราชการนอกรีด ที่อาศัยชาวเลย์ให้เป็นร่างทรงในการเข้าจัดเก็บค่าเรือหางยาวเข้ามายังเกาะหลีเป๊ะ เนื่องจากขณะนี้บนเกาะหลีเป๊ะ ไม่มีโป๊ะที่จะถ่ายเทนักท่องเที่ยวลงเรือหางก่อนที่จะเข้าฝั่ง แต่กลับมีกลุ่มชาวเลย์ทำตัวใหญ่คับเกาะมาเก็บค่าเรือหางที่บริเวณหน้าหาดไป – กลับ ท่านละ 100 บาท หากลำใดไม่จ่ายก็จะไม่ให้นำกระเป๋าขึ้นฝั่งทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อน
นายไกรวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแต่ละบริษัทเรือ และบริษัทนำเที่ยวต่าง ๆต้องจ่ายค่าเรือหางให้เนื่องจากหากไม่จ่ายก็จะทำให้เสียบรรยากาศในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ดังนั้นแต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวยังเกาะหลีเป๊ะ แห่งนี้เป็นจำนวนมาก จึงอยากจะทราบว่า เงินที่จัดเก็บไปนั้นไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง เอาไปไว้ที่ใด ซึ่งหาก ไม่มีข้าราชการคนใด คอยให้ท้ายแก่ชาวเลย์ ชาวเลย์คงจะไม่กล้าที่จะทำได้ถึงขณะนี้อย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม ในการยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมครั้งนี้ มีบางบริษัทได้นำเอกสารการชำระเงินค่าเรือหางมายื่นด้วย ซึ่งแต่ละปีมีจำนวนเงินเกือบล้านบาท โดยเอกสารที่เรียกเก็บเงินนั้นจะเป็นบิลธรรมดาไม่มีหัว และมีรายละเอียดการรับการเงิน และผู้รับจะใช้ ชื่อ ว่า “ทวง”
“เงินที่ชาวเลย์จัดเก็บค่าเรือหางยาวที่ได้นั้น ไปอยู่ทีกระเป่าของใครบ้าง มีการทำรายละเอียดการรับจ่ายอย่างไรบ้าง เนื่องจากยอดการจัดเก็บค่าเรือหางยาวนั้น เป็นยอดที่ถือว่า เป็นจำนวนมหาศาลหากจะเทียบกับ นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังเกาะหลีเป๊ะในแต่ละปี นั้น ถือว่าสูง แต่เงินที่จัดเก็บนั้นไปอยู่ในกระเป่าของ ใครบ้าง และยังมีบางบริษัท ที่ได้ชำระไปในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาเจ้าเดียว กว่า 2 ล้าน บาทเศษ ยังไม่รวมเจ้าของเรืออื่น ๆ ซึ่งผู้ประกอบการเรือทั้งเรือเฟอร์รี่และเรือสปี๊ทโบ๊ท ที่วิ่ง จากปากบารา-หลีเป๊ะ, ลังกาวี-หลีเป๊ะ และ จากลันตา – เกาะหลีเป๊ะ มีจำนวน 13 ราย ถือว่าเป็นยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกเป็นจำนวนมาก หากเมื่อรวมกับ เงินที่ชาวเลย์เก็บค่าเรือหางไป – กลับ หัวละ 100 บาท แล้ว ถือว่าเป็นจำนวนที่มหาศาล แล้วเงินนี้ ไปอยู่ที่ใครบ้าง ไม่มีใครสามารให้คำตอบได้ จนเกิดปัญหา ขึ้นมา ดังนั้น การที่ทางผู้ว่าฯสตูล ได้เรียกประชุม เพื่อต้องการที่จะให้หาทางออกร่วมกัน โดยมีการแต่งตั้ง คณะทำงาน หาข้อเท็จจริงว่า เงินไปอยู่ที่ใครบ้าง และ จะหาทางออกอย่างไร เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้”นายไกรวุฒิ กล่าว
ด้านนายภัทรพนธ์ รัตนพิเชฎฐชัย ผู้ว่าราชการ จ.สตูล ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือและแนวทางที่จะแก้ปัญหา ระหว่าง ชาวเลย์กับผู้ประกอบการเรือเกาะหลีเป๊ะ ถึงการแก้ปัญหา ร่วมกันในเรื่องของการจัดเก็บค่าเรือหางยาว ที่ชาวเลย์เป็นผู้จัดเก็บอยู่ในขณะนี้ ที่ห้องประชุมโต๊ะพญาวัง ศาลากลาง จ.สตูล โดยไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไปภายในห้องประชุม โดยไม่ให้เหตุผลใด ๆ บอกแค่เพียงเชิญ สื่อออกนอกห้องเท่านั้น
ชิดชนก / สตูล
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=15764