|

เมืองเพชรที่เพิ่งจากมา

18119075_1887227984636068_8022463914778046919_n

ก่อนเที่ยงวันที่ ๒๐ เมย.ที่ผ่านมา ผมออกจากบ้านที่หาดใหญ่ในไปแจ้งความจำนงกับสกอ.มศว.ว่าจะสมัครไปสัมมนา-ทัศนศึกษาที่กทม.-กัมพูชาช่วงเดือนกค.พร้อมมัดจำ ๒,๐๐๐ บาท และสำเนาพาสปอร์ต หากสมาชิกกลุ่มเป้าหมายไปน้อยก็มีโอกาสได้ไป ถ้าไม่เป็นอย่างคาดก็ไม่เป็นไร รับเงินมัดจำกลับ ผมตั้งใจจะไปนครวัด นครธม มรดกโลกมานานแล้วเพราะไม่เคยได้ไป ได้แต่ซื้อหนังสือมาอ่านเสียเงินไปหลายร้อยบาทแล้ว

จากนั้นไปรับบุญเลิศและพ่อตา(พ่อเยี่ยม หัสดี)พร้อมสัมภาระประเภทพันธ์ุมะพร้าว แขนงสับปะรด ข้าวปลูก ฯลฯ และวกไปรับพันธ์ุข้างสังข์หยดที่บ้านน้องอบ(จักรกฤษณ์)ที่บางแก้ว แล้วออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเพชรบุรี ถึงบ้านกลางทุ่งนาของคุณพ่อเยี่ยม หัสดี(พ่อตาบุญเลิส)เมื่อเวลาตีสองของวันที่ ๒๑ มย.โดยผมทำหน้าที่พลขับ(ทดลองขับรถทางไกลดูเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ประสาทสัมผัสและความอึดสำหรับเดินทางไกลอีกครังวันที่ ๒๘-๓๐ เมย.นี้จากหาดใหญ่-เกาะสมุย งานสัมมนาพบปะเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวค่ายอาสาพัฒนามศว.สงขลา)

เป้าหมายของกาเดินทางไกลครั้งนี้ของผมอยู่ที่งานสังสันทน์เพื่อนร่วมรุ่นมศ.๕๐๖ ที่เพชรบุรี โดยมีวรรณชัย ชุมทอง ผอ.ชลประทานเพชรบุรีเป็นเจ้าภาพ ต้อนรับเพื่อนที่บ้านซึ่งเป็นฟาร์มวัวเก่าแต่ขายวัวไปหมดแล้ว อาหารมื้อเย็นที่ร้านร่มตาล แล้วไปพักที่บ้านพักเจ้าสำราญ ชายหาดเจ้าสำราญแบบกันเอง เป็นห้องพักรวมและนอนลาน

เช้าวันที่ ๒๒ เมย.ซึ่งเป็นวันจัดเลี้ยงจริงเพื่อนๆเดินทางด้วยรถตู้ไปเที่ยวแก่งกระจานที่ที่ผมไปมาแล้วเมื่อวานผมและบุญเลิสเลยขอตัวไปหาอาจารย์ล้อม เพ็งแก้วตามนัดหมายพร้อมด้วยปลาดุกร้าของฝากจากปักษ์ใต่ที่อาจารย์ล้อมโปรดปรานยิ่งและหาซื้อไม่ได้ในเมืองเพชรบุรี

ผมโทรถามเส้นทางจากอาจารย์ล้อมแล้วมุ่งหน้าไปหาตามลายแทงทางอากาศ วนเข้าไปในซอยซีเจ ซอยตามอาจารย์ล้อมบอก แต่เที่ยวแรกไม่เห็นล้อเกวียนหน้าบ้านเลยขับเลยไปแล้ววนกลับมาอีกทีก็เห็นอาจารย์ล้อมยืนรออยู่หน้าประตูรั้วบ้านแล้ว

หลังจากพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันสักพัก ผมก็ถามถีงกิจกรรมในวัยนี้ของอาจารย์ว่าอาจารย์มีที่ทางสำหรับได้ปลูกผัก ปลูกต้อนไม้เพื่อได้อยู่กับสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่ได้ในบั้นปลายชีวิตหรือไม่ อาจารย์เลยนำชมพืชผักสวนครัวและไม้ท้องถิ่นหายากรอบๆบ้าน โดยเฉพาะต้นพูดไม้ตระกูลเดียวกับวา-มังคุด ที่ผมรู้จักดีตอนเด็กๆที่หน้าบ้านป้าจวง-ลุงยิ่ง พ่อ-แม่ของไสว แก้วคง ที่บ้านเกิด(หัวป่า ต.บ้านขาว อ.ระโนด)เพื่อนร่วมชั้นป.๔ ต้นละมุดสีดา มะฮอกกานี หวาย หมาก ฯลฯ สุดท้ายอาจารย์กรุณาให้ต้นมะนาวเทศผมมาต้นหนึ่งและมะฮอกกานีให้บุญเลิศ พร้อมต้นละมุดสีดามาอีกสองสามต้น และที่สำคัญทั้งผมและบุญเลิศต่างได้รับหนังสือของอาจารย์ล้อมและนิพัทธ์พร ลูกสาวอาจารย์มาคนละหลายเล่มพร้อมฝากให้นำมาแจกเพื่อนฝูงผู้สนใจอีกจำนวนหนึ่ง

เราจากลาอาจารย์มาเมื่อตอนเที่ยงวัน อาจารย์เดินตามมาส่งหน้าบ้านด้วยสีหน้าแววตาที่เปี่ยมสุข อาจารย์ต้องฟอกไตทุกวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ แต่หน้าตาอาจารย์สดใสไม่หมองคลำ้เหมือนคนเป็นโรคนี้ทั่วไป ทราบจากเอียด-นิพัทธ์พร ลูกสาวว่ามีพระบอกสูตรยาให้และคุณหมอรพ.อภัยภูเบศร์บอกว่าเป็นสูตรยาดีมากและผมกับบุญเลิศขอให้เอียดช่วยจดรายการยามาให้ ใครสนใจยินดีจะบอกต่อเพื่อเอาบุญครับ

ก่อนออกจากบ้านอาจารย์ล้อม ผมโทรหาสันต์(เสวียนหรือสอบ)เพื่อนเก่าสมัยเรียน ป.๗ ที่ ร.ร.วัดเกษตรชลที ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จ.ราชบุรีแต่พักและเปิดร้านอาหารประเภทสเต๊กอยู่ที่เพชรบุรีให้เขาเข้ามาพบที่บ้านอาจารย์ล้อมเพื่อออกไปทานข้าวด้วยกัน (ทั้วๆที่ขณะรับโทรศัพท์เขากำลังทายข้าวอยู่พอดี)
เมืองเพชรที่เพิ่งจากมา….. ตอน ๒

สายๆของวันที่ ๒๑ เมย.๒๕๖๐ ผมลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องของนกนานาชนิดที่ร้องอยู่ตั้งแต่ตีสองเมื่อคืน ผมออกมาล้างหน้าแรปงฟันในห้องน้ำ เสร็จแล้วออกมาข้างนอกบ้านครึ่งไม้ครึีงปูนหละงกระทัดรัด พบว่าพ่อเยี่ยมกำลังหุงข้าว ต้มน้ำร้อนเพื่อให้ผมชงกาแฟมื้อเช้า

ผมมองไปรอบๆบ้านสายตาพบกับความว่างโล่งของทุ่งนาที่มีไม้พื้นถิ่นอยู่ประปราย ส่วนใหญ่เป็นสะเดา สะแก มะขาม หว้า สัมผัสลมเย็นๆจากทิศทางที่มีสระน้ำที่เกิดจากการขุดดินขึ้นมาถมที่นาที่แปรสภาพเป็นที่ตั้งบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างและแปลงพืชผัก ไม้ยืนต้นนานาชนิดที่ปลูกบนพื้นฐานของการอยากปลูกมากกว่าผลทางเศรษฐกิจ เช่น กล้อวยน้ำว้าปลุกเพื่อรักษาดินให้ชุ่มฉ่ำร่วนซุย หว้าปลูกเพื่อเอาร่มและให้นกได้มีผลไม้กิน มะขามปลูกเพื่อเอาร่ม เป็นไม้มงคลและให้เพื่อนบ้านได้เก็บเกี่ยวพึ่งพา เป็นต้น

คุณพ่อเยี่ยม หัสดี ปัจจุบันอายุ ๗๘ ปี อดีตเป็นบุคคลากรสังกัดโรงปูนซีเมนต์ เคยมาอยู่ที่ทุ่งสงและไปเกษียณที่สระบุรี คุณพ่อชอบปลูกต้นไม้และมีที่ทางสำหรับปลูกต้นไม้อยู่หลายแปลงทั้งในท่ายางและสระบุรี ส่วนแปลงที่อยู่ปัจจุบันคุณพ่อเพิ่งบุกเบิกเมื่อไม่นานมานี้

ผมมีความสุขมากเหมือนได้กลับมาเยือนบ้านเกิดเมืองนอนที่ระโนด เพราะบรรยากาศรอบๆบ้านคล้ายคลึงกันมาก มีทุ่งนา มีลมเย็นๆและบริสุทธิ์พัดผ่านตลอดเวลา มีฝูงวัวเดินและเล็มหญ้าอยู่รอบๆบ้าน มีนกบินและมีเสียงนกร้องให้ได้ยินตลอดเวลา มีพืชผักกินได้อยู่รอบๆบ้าน

เรากินมื้อเช้าด้วยข้าวสวยที่คุณพ่อหุงกับแกงที่บุญเลิศซื้อมาจากร้านป้าเอิบที่บ้านส้อง เวียงสระ สุราษฎร์เมื่อตอนเย็นเมื่อวาน ตอนที่เราแวะกินมื้อเย็นที่นั่นเมื่อประมาณ ๑๗ น.โดยมีน้องชัย น้องชายของบุญเลิศที่เป็นตำรวจอยู่ที่แก่งกระจานมาร่วมวงข้าวด้วยและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์แบบบ้านๆกันหลายเรื่อง หลังจิบกาแฟเสร็จผมเดินสำรวจไปรอบๆบ้านพบว่า คุณพ่อมีแผนงานโครงการมากมายที่จะจัดสร้างในพื้นที่ประมาณ ๓๐ ไร่ที่คุณพ่อซื้อมาจากชาวบ้านในราคาไร่ละ ๘๐,๐๐๐ บาท เช่น ปลูกมะพร้าว สับปะรด ทำสะพานข้ามคูน้ำ ทำนาข้าวสังข์หยดไว้กินเอง เครื่องนวดข้าว เป็นต้น

ผมไม่อยากออกจากที่นั่นไปไหนนานๆ อยากนั่งนอนสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ให้นานๆเพราะผมรู้สึกว่าชีวิตที่อ่อนล้าและเหนื่อยหน่ายของผมจากการเดินทางไกลโดยการขับรถมาค่อนวันมันหายไปเหมือนปลิดทิ้งเพียงได้พบและสัมผัสความเป็นชนบททั้งโดยบุคลิกของคนที่เป็นเจ้าของบ้านและบรรยากาศรอบบ้าน

ผมหวังและตั้งใจเอาไว้ว่าผมจะสร้างบริบทแบบนี้ที่บ้านของตัวเองและจะพยายามมาที่นี่ให้บ่อยๆ โดยเฉพาะภายในช่วง ๑๐ ปีข้างหน้าที่ผมคิดว่าเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ผมจะได้สัมผัสโลกนี้ด้วยตนเองตามใจปรารถนา เพราะหลังจากนั้นการเดินทางคงต้องพึ่งพาคนอื่น(ถ้าผมอายุยืนยาวถึงวันนั้นเหมือนคุณพ่อเยี่ยมในวันนี้)

ก่อนเที่ยงของวันนี้ คุณพ่อเยี่ยมต้องออกเดินทางไปสระบุรีด้วยรถหัวหิน-โคราชที่มีเฉพาะในช่วงเช้า โดยบุญเลิศขับรถไปส่งคุณพ่อขึ้นรถที่ท่ายาง-เพชรบุรี เรากล่าวลากันก่อนถึงเวลาตามที่เคยกำหนด ผมขอบคุณคุณพ่อที่ทำให้ผมได้พบกับบรรยากาศแบบนี้ในช่วงชีวิตที่ยังรับรู้โดยอายตนะทั้ง ๖ ได้อย่างสมบูรณ์เช่นนี้ ดีใจที่คุณพ่อวัย ๗๘ ยังเข้มแข็งว่องไวกระฉับกระเฉงเหมือนคน ๑๘ ปี

โดย : จรูญ หยูทอง 
 

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=16175

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us