|

กฟผ. เตรียมรับมือ JDA-A18 หยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ 28 ต.ค. – 3 พ.ย. นี้

IMG_3498

กฟผ. เตรียมมาตรการรองรับแหล่งก๊าซธรรมชาติพัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย หยุดซ่อมบำรุง 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน นี้ ขอความร่วมมือชาวใต้ร่วมประหยัดไฟฟ้า พร้อมแนะเพื่อความมั่นคงในระบบไฟฟ้า ยังมีความจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าหลักเพิ่มในภาคใต้

IMG_3499

วันนี้ (3 ต.ค. 60) ที่ โรงแรม บี.พี.แกรนด์ ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายมนตรี ศรีสมอ่อน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อให้ข้อมูลสื่อมวลชนภาคใต้ ในหัวข้อ “ทิศทางพลังงานไฟฟ้าไทย : กรณีหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง JDA-A18” โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

IMG_3500

นายมนตรี ศรีสมอ่อน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กฟผ. ได้รับการประสานจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แจ้งหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพัฒนาร่วมไทยมาเลเซีย (JDA-A18) ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม ถึง 3 พฤศจิกายน 2560 รวม 7 วัน เพื่อบำรุงรักษาประจำปี มีผลให้โรงไฟฟ้าจะนะ จุดที่ 2 ไม่สามารถเดินเครื่องได้โดย กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมมาตรการรองรับไว้พร้อมแล้ว

IMG_3502

สำหรับมาตรการของ กฟผ. ประกอบด้วย ด้านระบบผลิตไฟฟ้า มีการปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 จากก๊าซธรรมชาติเป็นน้ำมันดีเซล ให้โรงไฟฟ้ากระบี่ใช้น้ำมันเตาเดินเครื่องสนับสนุนบางส่วน รวมทั้งตรวจสอบโรงไฟฟ้าภาคใต้ทั้งหมดให้พร้อมใช้งาน และประสานการไฟฟ้ามาเลเซียขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน ด้านระบบส่ง ได้ตรวจสอบสายส่งและอุปกรณ์สำคัญในพื้นที่ รวมถึงระบบส่งเชื่อมโยงภาคกลาง-ภาคใต้ ให้พร้อมใช้งาน ด้านเชื้อเพลิงได้สำรองน้ำมันเต็มความสามารถ มีการจัดเก็บก่อนเริ่มหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ

IMG_3496

“กฟผ. ได้เตรียมทีมงานติดตามสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันที โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้ในช่วงหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติไว้ที่ 2,450 เมกะวัตต์ มีความพร้อมด้านกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าภาคใต้ 2,254 เมกะวัตต์ ในส่วนที่เหลือจะนำไฟฟ้าจากภาคกลาง พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งในอนาคตคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้จะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น หากภาคใต้มีโรงไฟฟ้าหลักเพิ่มในพื้นที่ จะช่วยให้เกิดความมั่นคงและลดความเสี่ยงได้” ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ กล่าว

 

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=21609

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us