|

แม่ไม้การเมือง (4) นิทานการเมืองเรื่อง “วัวหรือหมาที่ลากหนวน” วีระ มุสิกพงศ์ หรือ “ไข่มุ่กดำ”

images

วีระ มุสิกพงศ์ หรือ “ไข่มุ่กดำ” นักการเมืองที่เคยเป็นเลขาธิการพรรค ปชป. สมัยที่มี ส.ส. เกินร้อยคนมาแล้ว มีบทบาทในการชักชวนคนดังเข้าพรรคมามากต่อมาก และเคยลงชิงชัยต่อกรกับสมัคร สุนทรเวช ในเขตดุสิตมาแล้ว แต่แพ้หลุดลุ่ย เพราะแม้แต่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตเลขาธิการพรรค ปชป. และ หน.พรรคกิจสังคมก็แพ้สมัครมาแล้วทั้งนั้น วีระ เคยพูดแบบติดตลกว่า “ปราศรัยในกทม. เราสู้สมัครไม่ได้ ผมท้าให้มันมาปราศรัยแข่งกับผมที่แหลมสมิหลาสงขลา มันไม่หาญมา ไม่ใช่เพราะมันกลัวแฟ้ผม มันกลัวลมเข้าหมูกหมันหนิครับ”

ในบรรดานักการเมืองที่ใกล้ชิดพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ถือว่าวีระ เป็นลูกป๋าคนหนึ่ง เพราะเคยอภิปรายในสภาจนพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องหลั่งน้ำตาลาออกในสภามาแล้ว และเปิดโอกาสให้พลเอกเปรม ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2524

วีระ มีส่วนในการสร้างความมั่นคงให้กับพรรค ปชป. มาก่อนที่ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี คนบ้านใกล้เรือนเคียงจะเข้ามาและรับตำแหน่งโฆษกรัฐบาลสมัยพลเอกเปรม

ในวันที่เกิดความแตกแยกกรณี “11 มกรา” จนวีระและเพื่อน ส.ส. จำนวนหนึ่งต้องเดินออกจากพรรค ปชป. โดยฝ่ายที่ยังอยู่ถือว่าเป็นฝ่ายปกป้องป๋าเปรมและฝ่ายวีระเป็นฝ่ายจะล้มป๋าเปรม วีระมาตั้งพรรคใหม่ ชื่อ “พรรคดำรงไทย” ซึ่งเป็นหัวพรรคเก่าที่วีระบอกว่า “พวกผมถูกยิกออกจากบ้านตัวเองเดินมาพบหนำร้างข้างทางหน่วยหนึ่ง ชื่อหนำดำรงไทยเลยลองอยู่แลสักพักหวางอี้ได้สร้างบ้านหลังใหม่”

วันหนึ่ง ในการปราศรัยหาเสียงของพรรค ปชป. ที่หลังสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้กล่าวพาดพิงถึงวีระให้เกิดความเสียหาย วันต่อมาวีระ มาเปิดปราศรัยบริเวณเดียวกันและได้กล่าวพาดพิงถึง ดร.ไตรรงค์ ด้วยการชักนิทานเทียบให้ฟังตามลีลาการปราศรัยที่สนุกสนานเร้าความสนใจว่า

“แถวโนดบ้านผม คือบ้านโหนดนอก เถรแก้ว หน้าเก็บข้าว พี่น้องชาวบ้านบ้านผมเขาจะใช้หนวน (พาหนะขนเลียงข้าวคล้ายเกวียนแต่ไม่มีล้อเพื่อสะดวกในการข้ามคันนาและใช้แรงงานวัวหรือควายในการชักลาก) ลากข้าวเลียงไปไว้บนเรินข้าว เวลาวัวหรือควายลากหนวนหมาที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านมันก็ตามไปนากัน พอวัว ควายลากหนวนมาตามบิ้งนา กลางท่องบ้านเรามันไม่มีร่มไม้ให้วัว ควายหรือหมาได้หยุดพักร่ม วัว ควายต้องยืนหยุดพักกลางแดด หมามันทนร้อนไม่ได้เหมือนวัว ควาย มันเลยไปยืนพักร่มใต้ท้องวัว ควาย หลายหนเข้า พอถึงบ้านหมามันคงเข้าใจว่ามันเป็นผู้ลากหนวน ไม่ใช่ วัว หรือควายอย่างที่เราเห็น ผมเข้ามาทำงานการเมืองในพรรคก่อน ดร.ไตรรงค์ ตั้งนาน จนพรรคมีความมั่นคง ดร.ไตรรงค์ เข้ามาไม่นานมาเหมาเอาว่าพรรคอยู่ได้เพราะหมัน ตกลงไตรรงค์กับผม ใครเป็นหมา ใครเป็นวัว พี่น้องว่า”

C438

ผู้ฟังการปราศรับวันนั้น (รวมทั้งผมด้วย) ต่างปรบมือด้วยความชอบใจ แม้ว่าวีระและพรรคพวกจะไม่มีราคาค่างวดอะไรเลยในทางการเมืองในยุคนั้นแต่นี่คือนำ้เสียงของคนที่กำลังสูญเสียความเป็นผู้กอบกู้พรรค ปชป. มาด้วยความยากลำบาก วันดีคืนดีก็ถูกใครไม่รู้ขับไล่ให้ออกจากบ้านของตนเอง พร้อมคำเยาะเย้ยถากถางเหมือนไม่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาก่อน วันที่วีระติดคุกเพราะช่วยปราศรัยให้เพื่อนที่บุรีรัมย์ที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่คนบุรีรัมย์ เหมือนที่เขาเคยถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่คนพัทลุง ลุงเคล้าหรือครูเคล้าผู้เป็นพ่อขอกให้วีระ “เดินถอยหลังเข้าคุก” เพื่อเอาเคล็ดว่าไม่นานจะออกจากคุก ถ้าหันหน้าเข้าเกรงว่าจะเป็นลางว่าอยู่นาน และครั้งนั้น คนพัทลุงยังลงคะแนนให้วีระหลายพันคะแนน ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาอยู่ในคุก

นอกจากนั้น ผมยังจำคำปราศรัยของวีระ ที่กล่าวเปรียบเปรยถึงการกระทำของพวกตนที่มีต่อรัฐบาลพลเอกเปรมในครั้งนั้นจนถูกกล่าวหาว่าเนรคุณป๋า ช่วงหนึ่ง วีระปราศรัยอุปมาอุปไมยว่า “ป๋าเปรียบเหมือนพญาอินทรี ย่อมต้องมีความสง่างาม แต่ป๋าต้องมีกัลยาณมิตรที่เป็นคนดี คอยดูแลไม่ให้ป๋าเสียหาย เพราะถึงเป็นพญาอินทรีแต่ถ้าไม่มีใครช่วยหาเหาหาไรให้มั่ง พญาอินทรีก็อาจจะขนร่วงเป็นขี้เกลื้อนเรื้อนกวางได้เหมือนกัน”

นี่คือตำนานการปราศรัยทางการเมืองของอดีต “ไข่มุกดำ” ผู้รักพวกรักพ้องและเคยช่วยปราศรัยให้ พรเทพ เตชะไพบูลย์ เพื่อนร่วมพรรค ปชป. ที่บุรีรัมย์ สมัยเป็น ส.ส.พัทลุง จนต้องติดคุกมาแล้ว

แม้วันนี้วีระ มุสิกพงศ์ หรือวีระกานต์ สุมิกพงศ์ จะปิดตำนานนักการเมืองผู้ทรนงองอาจไปแล้ว แต่ประวัติของเขาไม่เคยลบเลือนไปจากความทรงจำของผมและใครต่อใครอีกหลายคนที่ชื่นชอบความเป็นคนนักเลงของเขา ส่วนภาพลักษณ์ในช่วงหลังๆ ก็แล้วแต่ใครจะประเมินค่า เพราะประวัติศาสตร์ไม่อาจจะทำใหม่ได้ดังใจครับ

20 กันยายน 2560

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=21818

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us