ร.ร.บ้านควนหรัน ยึดหลักศาสนา ล่อหลอม นร. เป็นคนดีและคนเก่ง

โรงเรียนบ้านควนหรัน นำกิจกรรมต่างๆ ตามหลักศาสนาอิสลาม ส่งเสริมนักเรียนและบุคลากรให้มีคุณธรรมจริยธรรม หวังล่อหลอมให้นักเรียนเป็น “คนดี” เชื่อ เมื่อเป็น “คนดี” ความเป็น “คนเก่ง” จะตามมาเอง พร้อมอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

นายอับดนเราะหมาน เดเระมะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านควนหรัน กล่าวว่า ด้วยบริบทของโรงเรียนบ้านควนหรัน นักเรียนนับถือศาสนาอิสลาม 100% รวมทั้งครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ตกอยู่ในกระแสวัตถุนิยม แข่งขันกันสร้างคุณค่าของตนจากสิ่งที่คนเห็นได้อย่างฉาบฉวยจากภายนอก ต่างคนต่างมุ่งแสวงหาวิธีการทำเงินให้ได้มากที่สุด อีกทั้งความก้าวหน้าและการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของเทคโนโลยีการสื่อสาร มีสิ่งยั่วยุและสิ่งมอมเมามากมายที่พร้อมจะทำลายลูกหลานของเราได้ทุกขณะ จึงคิดว่าไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นเกราะป้องกันนักเรียนได้ดียิ่งกว่าการสร้างภูมิคุ้มกันให้นักเรียนได้เป็น “คนดี” ก่อนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะการเป็นคนดีตามศาสนาที่ตนนับถือ โรงเรียนบ้านควนหรันจึงใช้วิถีอิสลามมาเป็นนโยบายหลักในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่นักเรียน เน้นย้ำให้นักเรียนรวมถึงครูและบุคลากรทุกคนของโรงเรียนได้นำหลักการของศาสนาอิสลามมาใช้ในชีวิตประจำวันทุกวันตอนเช้าก่อนเข้าเรียน นักเรียนทุกคนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 จนถึงชั้น ป.6 จะมานั่งรวมกันในอาคารอเนกประสงค์เพื่อรับฟังการ “นาซีฮัต” (การอบรม/การตักเตือน) จากครูสวัสดิการประจำวัน ซึ่งก่อนจะพูดนั้นครูอาจจะมีคลิปที่น่าสนใจ ให้แง่คิดและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมมาให้นักเรียนรับชมก่อน ครูจะให้นักเรียนสรุปสิ่งที่นักเรียนค้นพบในคลิปเพื่อนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยก่อนที่นักเรียนจะแยกย้ายไปเข้าห้องเรียนนั้น นักเรียนทุกคนจะมาสวมกอดกับครูทุกคน แยกเป็นนักเรียนชายกับครูผู้ชาย และนักเรียนหญิงกับครูผู้หญิง กิจกรรมนี้เรียกว่า “ให้ความรัก ก่อนให้ความรู้” เพราะคิดว่ามีนักเรียนหลายคนที่ห่างหายจากอ้อมกอดของพ่อแม่มานาน และบางคนก็ขาดพ่อหรือขาดแม่ ความอบอุ่นที่ขาดอาจจะพอชดเชยได้ด้วยอ้อมกอดของครูนั่นเอง

นอกจากนี้ โรงเรียนยังสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการผลักดันนโยบายวิถีอิสลาม โดยการให้ครูผู้สอนโรงเรียนตาดีกาและผู้รู้ในชุมชนมาสอนนักเรียนอ่านอัลกุรอานที่โรงเรียนด้วย เพราะคำภีร์อัลกุรอานถือเป็นธรรมนูญชีวิตของมุสลิมทุกคน ดังนั้น โรงเรียนจึงส่งเสริมให้นักเรียนได้อ่านอัลกุรอานและศึกษาอัลกุรอาน รวมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนได้ท่องจำและใช้ดุอาอ์ (คำกล่าวตามแบบฉบับของท่านศาสดา) ในสถานการณ์ต่างๆ เพราะการอ่านดุอาอ์นี้เป็นการเรียกสติของนักเรียนให้กลับมาอยู่กับ นอกจากนี้ ที่สำคัญคือ นักเรียนโรงเรียนบ้านควนหรันต้องละหมาดที่โรงเรียน 2 เวลาคือ ซุฮรี (เวลาหลังเที่ยงวัน) และอัสรี (เวลาหลังเลิกเรียนก่อนกลับบ้าน) เพราะเชื่อว่าหากทุกคนนำหลักการของศาสนามายึดถือและปฏิบัติกัน ใช้ชีวิตโดยยึดโยงอยู่กับกรอบแห่งความพอดีที่ศาสนากำหนด เราจะมีภูมิคุ้มกันต่อสิ่งเร้าที่ไม่ดีต่างๆ เราจะมีวิจารณญาณต่อสิ่งที่เข้ามาประสบในชีวิต โรงเรียนบ้านควนหรันจึงใช้กิจกรรมวิถีอิสลามส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน เพราะเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อนักเรียนเป็น “คนดี” ความเป็น “คนเก่ง” ก็จะตามมาเอง และจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

“ความสำเร็จในนิยามของผม คือ ความสุขของนักเรียน หากมีโอกาสได้พูดคุยกับนักเรียนมักจะถามว่า วันนี้มาโรงเรียนมีความสุขไหม หากได้คำตอบว่ามีความสุข นั่นคือความสำเร็จ ซึ่งอาจจะเกิดได้ทุกๆ วัน หรือหากได้คำตอบในทางกลับกัน นั่นคือสิ่งที่ผมต้องมาทบทวนและพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะพร่องความสุขของนักเรียน แล้วค่อยกลับไปถามใหม่ในวันที่คิดว่าได้มีการปรับเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างไปแล้ว แต่ในช่วงเวลาของการบริหารและการจัดการศึกษาตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา พบว่า เห็นรอยยิ้มของนักเรียนมากกว่าสถิติการทะเลาะเบาะแว้งของนักเรียน นักเรียนได้รับประทานอาหารเช้าและอาหารเที่ยงที่โรงเรียนอย่างเต็มอิ่ม โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว นักเรียนมีพฤติกรรมและมารยาทที่ดีขึ้น ครูและบุคลากรในโรงเรียนมีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นในการทำงาน เนื่องจากมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ผู้ปกครองมีความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจในโรงเรียน และชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนที่จัดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษา สิ่งเหล่านี้สำหรับผมถือว่าเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง ที่ไม่มีรางวัลใดๆ ต้องมาการันตี ผมรู้สึกได้ ทุกคนรู้สึกดี หากมีเสียงสะท้อนในเชิงบวกจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายไปในทิศทางเดียวกัน ก็ถือว่านั่นคือความสุขและความสำเร็จของโรงเรียนบ้านควนหรันแล้ว” นายอับดนเราะหมาน กล่าวถึงความภาคภูมิใจในการบริหารงาน และพูดถึงปัญหาที่พบในโรงเรียนว่า

“เนื่องจากโรงเรียนบ้านควนหรันเป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งมานาน อาคารบางแห่งจึงมีสภาพทรุดโทรม และสภาพภูมิทัศน์บางจุดเป็นพื้นที่ที่ยังไม่สร้างสรรค์เท่าที่ควร ประกอบกับเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก นักเรียนมีจำนวนน้อย งบประมาณที่ได้รับจึงไม่เพียงพอที่จะนำมาปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ให้ดูดีและสวยงามตามที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว จึงต้องใช้เวลาและการระดมทุนเข้ามาช่วยในการดำเนินการ แต่คิดว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่เป็นปัญหาสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนนักเรียน ที่ผ่านมาจึงเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ผลิตและใช้สื่อที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและบริบทของนักเรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่ม อำนวยความสะดวกให้แก่ครูในเรื่องของวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนเป็นสำคัญ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญหนึ่งที่จะทำให้การจัดการเรียนการสอนของครูมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้ เป็นวิธีการที่จะทำให้นักเรียนได้รับความรู้มากที่สุด”

นายอับดนเราะหมาน เล่าถึงสาเหตุที่เลือกเป็นครูว่า เป็นความตั้งใจมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว ตอนที่ครูถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร อยากเป็นครูครับ เพราะมีความประทับใจในตัวครูที่สอนเรา ประกอบกับในแวดล้อมตัวเราในสมัยที่ยังเป็นนักเรียนตัวน้อยๆ นั้น มีอาชีพเพียงไม่กี่อาชีพที่เราเห็นและรู้จัก อีกทั้งมีโอกาสได้ไปเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งในสมัยนั้นระบบการแนะแนวยังไม่มีความเข้มแข็ง เลยไม่ได้รับการแนะแนวเกี่ยวกับอาชีพอื่นๆ ที่ต่างออกไปจากครูว่าเรียนอะไร เป็นอะไร เรียนสายไหน สอบอะไรได้บ้าง ตอนนั้นยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสายวิทย์สายศิลป์ ดีด้อยต่างกันอย่างไร แต่ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ ทำให้เราเลือกเดินมาถูกทางที่อยากจะเป็น เอนทรานส์เข้ามาในโครงการคุรุทายาท ของคณะศึกษาศาสตร์ จบออกมาจึงได้รับการบรรจุให้เป็นครูดังที่ตั้งใจไว้โดยไม่ต้องสอบแข่งขัน และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นครูที่ดีให้ได้

“มีเวลาก่อนเกษียณอีก 19 ปี ตั้งใจไว้ว่าไม่ว่าจะไปเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ณ ที่ใดก็ตาม อยากจะจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความถนัด ความต้องการและศักยภาพของนักเรียนแต่ละคน เพราะเมื่อไหร่ที่เราได้ทำอะไรตามที่เราถนัด ที่เราชอบ เราจะมีความสุข เราจะทำได้ดี และพัฒนาให้ดีขึ้นไปได้เรื่อยๆ ต้องจัดการศึกษาที่ทำให้นักเรียนค้นพบตัวเองให้เร็วที่สุด เพื่อประสานและส่งเสริมให้เขาไปถึงความภาคภูมิใจในตัวเองให้ได้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นพื้นฐานต้องเป็นคนดีมีคุณธรรมก่อน” นายอับดนเราะหมาน กล่าวทิ้งท้ายกับสิ่งที่ตั้งใจอยากจะทำก่อนเกษียณอยุราชการ

สำหรับโรงเรียนบ้านควนหรัน ตั้งอยู่ที่ หมู่ 10 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2483 ในสมัยขุนไชยมณีพงศ์ ดำรงตำแหน่งนายอำเภอเทพา และขุนจารุศึกษากรเป็นศึกษาธิการอำเภอเทพา ปัจจุบันโรงเรียนเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 – 3 และชั้น ป.1 – ป.6 มีนักเรียนทั้งหมด 105 คน มีข้าราชการ 7 คน พนักงานราชการ 3 คน พี่เลี้ยงเด็กพิการ 1 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1 คน และ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยครูและสถานศึกษา 1 คน รวมทั้งสิ้น 13 คน

 

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=22635