‘จิรเมศร์ อุดมประยูรศักดิ์’ ผู้บริหาร VHM ด่านนอก ทุ่มกาย –ใจ สู่ความสำเร็จระดับนานาชาติ

นายจิรเมศร์ อุดมประยูรศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ Vouk Hotel Management (VHM) ผู้คว่ำวอดในวงการธุรกิจโรงแรมและการบริการกว่า 20 ปี กับบทบาทสำคัญในพื้นที่ด่านนอก เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลา เผยยึดหลัก 7P – ROCIT ในการบริหารงาน พร้อมนำ VHM ก้าวสู่ความสำเร็จในระดับนานาชาติ

เมื่อไม่นานมานี้ ทางทีมงานหนังสือพิมพ์สมิหลา ไทมส์ ได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยและสัมภาษณ์ นายจิรเมศร์ อุดมประยูรศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ Vouk Hotel Management (VHM) ถึงแนวคิดและหลักการบริหารงานโรงแรมในเครือที่ด่านนอกทั้ง 5 โรงแรม คือ MBI Resort, Vouk Village, M Soho, VJ Villa และ Container Stay รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร ให้ประสบความสำเร็จ

โดย นายจิรเมศร์ อุดมประยูรศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ Vouk Hotel Management (VHM) ได้กล่าวถึงประวัติการทำงานที่ผ่านมา ว่า ตนทำงานในวงการโรงแรม ธุรกิจการท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรมการบริการมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว โดยเริ่มจากการทำงานที่โรงแรมเมอริเดียน, โรงแรมรอยัล เมอริเดียน, ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป และ เครือโรงแรมรามาดา เอนคอร์ ในกรุงเทพฯ ก่อนที่จะย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ ที่โรงแรม เอ็มบีไอ รีสอร์ต ด่านนอก (MBI Resort Danok) และโรงแรมในเครือ ในภาคการศึกษาเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต สอนภาควิชาการโรงแรม ในส่วนของ อินเตอร์เนชั่นแนล คอลเลจ, สอนภาคอินเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพฯ และยังเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษที่วิทยาลัยอาชีวะทางภาคเหนือ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า ในเรื่องของการจัดการอุตสาหกรรมบริการ

สำหรับเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจมาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ Vouk Hotel Management (VHM) นายจิรเมศร์ เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจมาทำงานที่โรงแรมในเครือ โวค โฮเทล เมนเนจเม้นท์ ได้รับการเสนอและทาบทามให้ไปทำงานจากที่อื่นๆ เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจมาทำงานที่ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา นั่นคือ ตอนเด็กๆ ได้เขียนไดอารี่เกี่ยวกับสถานที่ที่ใฝ่ฝันอยากจะไป และด้วยความที่มีเพื่อนเป็นคนเจริญกรุงหรือบางรัก ที่ในอดีตคนไทยเชื้อสายจีนจะนั่งรถเพื่อไปซื้อสินค้าต่างๆ ที่ตลาดกิมหยง เพื่อไปขายที่เจริญกรุงหรือบางรัก กรุงเทพฯ ฉะนั้น จังหวัดสงขลา หาดใหญ่ สะเดา ด่านนอก จึงติดอยู่ในความทรงจำที่สักวันหนึ่งจะต้องไปเยี่ยมเยือนให้ได้ และสุดท้ายได้รับโอกาสจาก โวค โฮเทล เมนเนจเม้นท์ ให้มาร่วมงาน จึงใช้เวลาไม่นานนักในการตัดสินใจมาร่วมงานกับโรงแรมในเครือนี้ และจากการศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของบริษัท และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร มีความเชื่อมั่นว่า โวค โฮเทล เมนเนจเม้นท์ เป็นการบริหารในระดับนานาชาติ พร้อมที่จะขยายไปทั่วทุกภูมิภาค รวมทั้งประเทศใกล้เคียง ซึ่งในปัจจุบัน โวค โฮเทล เมนเนจเม้นท์ มีโรงแรมในเครือที่ด่านนอกจำนวน 10 โรงแรม และยังมีโรงแรมที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, บาหลี และจะมีการขยายโรงแรมในพื้นที่อื่นๆ ที่จะมีความเติบโต แข็งแรง และมั่นคงทางธุรกิจในอนาคตอีกด้วย

“ในการทำงานบริหารยืดหลักการ 7P คือ 1. Product ทางโรงแรมต้องมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อลูกค้า 2. Price ราคาต้องสามารถตอบสนองกับทุกกลุ่มวัยได้ 3. Place สถานที่ต้องมีความปลอดภัยสูงสุด 4. Promotion ต้องมีการทำโปรโมชั่นตลอดเวลา 5. Process ให้ความสำคัญในกระบวนการของการบริการลูกค้า 6. Physical Evidence ลูกค้าจะต้องได้สัมผัสในความเป็นไทยของโรงแรม และ 7. People ต้องให้ความสำคัญกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล” นายจิรเมศร์ กล่าวถึงหลักการในการบริหารงาน

ซึ่งนอกจากการนำหลัก 7P มาใช้ในการบริหารงานแล้ว นายจิรเมศร์ ยังนำหลัก ROCIT มาใช้ร่วมกันด้วย นั่นคือ R Responsiveness หมายถึง ความรับผิดชอบ ไม่ว่าตำแหน่งใดก็ตาม ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับงานที่ได้รับมอบหมาย, O Ownership ต้องเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่, C Commitment จะต้องให้ความมั่นใจและมั่นคงต่อสิ่งที่ได้สัญญาลูกค้า, I Innovativeness มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และ T Teamwork ยึดมั่นการทำงานเป็นทีม เพื่อเป้าหมายที่ได้วางไว้ด้วยกัน

การบริหารงานโรงแรม 5 โรงแรมพร้อมกัน ย่อมมีความยากมากกว่าการบริหารงานโรงแรมเพียงแค่ 1 โรงแรม ซึ่ง นายจิรเมศร์ ได้เล่าถึงความแตกต่างตรงนี้ ว่า ในอดีตมีโอกาสบริหารงานโรงแรมในลักษณะ ซิตี้ โฮเทล รีสอร์ต วิลล่า ซึ่งไปอยู่ตามเกาะบ้าง ต่างประเทศบ้าง เช่น ประเทศลาว กัมพูชา พม่า โดยมากสุดเคยบริหารงาน 2 โรงแรมพร้อมกัน แต่ปัจจุบันต้องมาบริหารงาน 5 โรงแรมด้วยกัน ได้พบเจอผู้คนหลากหลาย และแต่ละโรงแรมยังมีคอนเซ็ปที่ต่างกัน ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่จะทำให้โรงแรมทั้ง 5 ประสบความสำเร็จ เป็นที่รู้จักของกลุ่มนักท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นนโยบายในการบริหาร นั่นคือ ต้องแสดงความเป็นไทยทุกครั้งที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ และต้องตระหนักให้เป็นหนึ่งในการบริการ รวมทั้ง ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นใครมาจากไหน ทางโรงแรมจะต้องให้การบริการด้วยความเท่าเทียมกัน ดูแลลูกค้าทุกคนดุจดั่งญาติมิตร เพื่อให้ VHM มีการกล่าวถึงในเชิงบวกในวงการการท่องเที่ยว รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมทั้งหมดด้วย

นายจิรเมศร์ ได้กล่าวถึงภาพรวมของด่านนอกในมุมมองของตนเองอีก ว่า ในอดีตธุรกิจในพื้นที่ด่านนอกที่ทางรัฐบาลมองว่าเป็นจุดเศรษฐกิจที่จะสามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ติดกับรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งคนไทยทุกคนตั้งแต่เด็กๆ สามารถศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาต่างๆ ของปีนัง เป็นแหล่งการศึกษาแก่นักเรียนจากประเทศไทย โดยส่วนตัวมองว่า การเปิดพื้นที่ด่านนอกทำให้กลุ่มผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจทั้งในด้านของโรงแรม การท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้ก่อเกิดรายได้ภายในประเทศมากมายมหาศาล ทำให้คนในพื้นที่ไม่ต้องจากบ้านไปไกล ทุกคนสามารถได้รับประโยชน์ร่วมกัน ทั้งระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น

“ธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการบริการ ประเทศไทยเป็นหนึ่ง ไม่รองใคร ในภูมิภาคอาเซียนและในโลก ทุกคนจะต้องช่วยกันพัฒนาสินค้า และการบริการ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ทำให้นานาชาติเลือกที่จะเข้ามาพัก ซึ่งทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญและตระหนักในตรงนี้ เพราะไม่ว่าเราจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน แต่ประเทศไทยยังคงเป็น The land of smiles เป็นสวรรค์บนดิน ที่ให้ความอิสรเสรี มีน้ำใจ ต่อนักท่องเที่ยว ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่คนไทยจะต้องอนุรักษ์ไว้ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในระดับโลกต่อไป” นายจิรเมศร์ กล่าวทิ้งท้าย

 

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=35141