ม.อ. เดินหน้ารณรงค์ลดใช้พลาสติก มุ่งสู่มหาวิทยาลัยสีเขียว
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เดินหน้ารณรงค์ โครงการ “ม.อ.ร่วมใจลดการใช้พลาสติก” หลังประสบความสำเร็จในการเลิกใช้โฟมบรรจุอาหาร สร้างจิตสำนึกที่ดีในการรักษาสิ่งแวดล้อมแก่ผู้ประกอบการ – ร้านค้า ให้เกิดความตื่นตัวลดใช้พลาสติก เปลี่ยนใช้ถุงผ้า – กระบอกน้ำ หวังลดปริมาณขยะที่เกิดจากถุงพลาสติก พร้อมมุ่งสู่มหาวิทยาลัยสีเขียว
วันนี้ (1 ก.พ. 62) ที่ บริเวณหน้าตึกสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผศ.วศิน สุวรรณรัตน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ม.อ. ร่วมใจลดการใช้พลาสติก” โดยมี บุคลากรสำนักงานอธิการบดี, ตัวแทนนักศึกษา และสื่อมวลชนเข้าร่วมอย่างคึกคัก
ผศ.วศิน สุวรรณรัตน์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ร้านค้าในสำนักงานอธิการบดีต้องไม่ใช้ถุงพลาสติก, หลอด, ฝา, แก้ว พลาสติกทั้งหมด โดยทางวิทยาเขตหาดใหญ่ จะมอบกระบอกน้ำ ถุงผ้า แก่บุคลากร เพื่อใช้หมุนเวียนแทนการใช้ถุงพลาสติก, หลอด, ฝา, แก้วพลาสติก และทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จะมีการอบรมให้ความรู้บุคลากรเกี่ยวกับการจัดการและพิษภัยของขยะพลาสติก และการลงนามความร่วมมือการลดใช้พลาสติก ระหว่างรองอธิการบดีวิทยาเขตหาดใหญ่ และผู้อำนวยการกอง, หัวหน้าหน่วย ในสำนักงานอธิการบดีต่อไป
ซึ่งขยะพลาสติกพบในอ่าวไทยจำนวนมาก เมื่อถูกแสงแดด ออกซิเจน และคลื่นจากกระแสน้ำทะเลจะผุพังและแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับหรือเล็กกว่า 5 มม. ที่ถูกเรียกว่า ไมโครพลาสติก ซึ่งมีจำนวนหลายพันชิ้น และสามารถล่องลอยไปทั่วโลกตั้งแต่ผิวน้ำจนถึงใต้ท้องทะเล เนื่องจากมันมีขนาดเล็ก และมีสีสันใกล้เคียงกับแพลงก์ตอน พืช และสัตว์ จึงทำให้สิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ในทะเลกินมันเข้าไป และสะสม ปนเปื้อนอยู่ในห่วงโซ่อาหาร เมื่อมนุษย์บริโภคสัตว์น้ำที่ปนเปื้อนไมโครพลาสติกเข้าไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและอนามัย หรือเป็นสารก่อมะเร็งของมนุษย์ได้
นอกจากนี้ ขยะไมโครพลาสติกยังต้องใช้เวลานาน 400-500 ปี จึงสามารถย่อยสลายตัวได้หมด จึงเป็นผลให้ปริมาณขยะไมโครพลาสติก นับวันจะมีเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เนื่องจากปริมาณขยะที่ถูกทิ้งลงสู่ทะเลทั่วโลก ปีละ 8 ล้านตัน/ปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในปี พ.ศ.2573 จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยทั้งทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ เอกชน และประชาชน โดยต้องเริ่มแก้ปัญหา เช่น เปลี่ยนจากการใช้แก้วพลาสติกมาเป็นแก้วกระดาษ เปลี่ยนจากการใช้โฟมบรรจุอาหารมาใช้ใบตองและกระดาษไข หรือภาชนะจากชานอ้อย
ข่าวโดย นางสาวพิมศุภณัฐ อุทัยรัตน์ นักศึกษาฝึกประสบการณ์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=37849