ไทย – มาเลฯ ร่วมเปิดทดลองขยายเวลาทำการด่านสะเดา – บูกิตกายูฮิตัม 24 ชม.

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย แถลงข่าวเปิดทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา – บูกิตกายูฮิตัม เป็น 24 ชั่วโมง เดินหน้าเพิ่มปริมาณการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน สู่การขยายความเชื่อมโยงการค้า และการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อเวลา 00.30 น. ของวันที่ 18 มิถุนายน 2562 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศมาเลเซีย ณ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ชั้น G ด่านศุลกากรบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย นายชัยสิริ อนะมาน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และดาโตะ มาร์ซูกี ยะฮ์ยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศมาเลเซีย ร่วมแถลงข่าวการเปิดทดลองขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรสะเดา – บูกิตกายูฮิตัม เป็น 24 ชั่วโมง โดยมี ดาโตะ ซรี มุคริส ตุน มหาธีร์ มุขมนตรี รัฐเกดะห์ , นายณรงค์ ศศิธร เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ , นายประพันธ์ ดิษยทัต รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก , นางศิริวรรณ สุคนธมาน ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคงสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ , นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา , นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา , นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และนายศิริพงษ์ วุฑฒินันท์ นายด่านศุลกากรสะเดา พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งจากประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

ทั้งนี้ ก่อนการแถลงข่าว ณ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ชั้น G ด่านศุลกากรบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ได้มีการโบกธงจากด่านศุลกากรสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ประเทศไทย เพื่อเป็นสัญญาณปล่อยรถบรรทุกให้วิ่งผ่านด่านทั้งสองฝั่ง ซึ่งการขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัมครั้งนี้ จะส่งผลให้ปริมาณการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทำให้ผู้ประกอบการสามารถส่งสินค้าไปยังปลายทางได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย นอกจากนั้น สินค้าที่ขนส่งผ่านด่านสะเดาไม่เพียงแต่เป็นสินค้าที่ส่งไปยังมาเลเซีย แต่ส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังท่าเรือปีนังเพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สามทั้งในและนอกภูมิภาค การย่นระยะเวลาในการขนส่งย่อมช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ประกอบการและความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนในพื้นที่ก็อาจสามารถขยายช่วงเวลาในการประกอบธุรกิจ หรือประเภทกิจการออกไปให้ครอบคลุมในหลาย ๆ ด้าน อาทิ การบริการ การซ่อมบำรุงยานยนต์ ทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่และมีรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่น นอกจากนี้ หากมองเศรษฐกิจภาพรวม เศรษฐกิจภาคใต้ของไทยจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการส่งออกไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ รวมทั้งสินค้าที่จะส่งไปประเทศที่สาม สามารถส่งออกได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องประสบปัญหาการจราจรคับคั่งเช่นในปัจจุบัน การขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรสะเดา – บูกิตกายูฮิตัมเป็น 24 ชั่วโมง ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกของความร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในการอำนวยความสะดวกแก่การขนส่งข้ามพรมแดน แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งจะกลายเป็นต้นแบบในการพัฒนาความเชื่อมโยง การค้าและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ต่อไป การขยายเวลาทำการของด่านศุลกากรสะเดาเป็น 24 ชั่วโมง ถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมจากการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 24-25 ตุลาคม 2561 และสะท้อนถึงความร่วมมืออย่างจริงจังเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยและรัฐทางภาคเหนือของมาเลเซีย เพื่อให้เกิดความเจริญ ความสงบสุขและเสริมสร้างความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยด้วย

ด้าน พันตำรวจโท ถาวร ผลกล้า รองผู้กำกับการป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรสะเดา กล่าวว่า จากการทดลองเปิดด่านตลอด 24 ชั่วโมง ทางสถานีตำรวจภูธรสะเดาได้มีการบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชนร่วมกันดูแลสอดส่องความเรียบร้อย พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติงาน เนื่องจากจะมีรถบรรทุกเดินทางเข้าออกตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

ข่าว-สุธิดา พฤกษ์อุดม / สวท.สงขลา

ภาพ-โปรดปราน บุญธรรม / KTSLive.com 18 มิ.ย. 62

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=42622