‘นิพนธ์’ ติดตามสถานการณ์โควิด – 19 ร่วมประชุม Video Conference ที่สงขลา
นิพนธ์ ติดตามสถานการณ์โควิด – 19 ร่วมประชุม Video Conference ที่ จ.สงขลา ในขณะที่ ศบค. เตรียมผ่อนปรน 6 กิจการทั่วประเทศ 3 พ.ค. 63 นี้
เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ 30 เม.ย. 63 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ร่วมประชุมผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล กับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องตรงกัน ซึ่งนายกฯรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้มีประกาศในเรื่องของการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 1) เรื่องการให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลบังคับตามประกาศเรื่อง การให้ข้อกำหนดประกาศ และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลบังคับ ลงวันที่ 28 เมษายน 2563 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
โดยที่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังคงปรากฏอยู่ แม้จะควบคุมไว้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขไทย ความเข้าใจสถานการณ์ และที่สำคัญคือ ความร่วมมือจากภาคประชาชน แต่เนื่องจากโรคนี้ยังคงระบาดรุนแรงอยู่ในหลายประเทศ และยังมีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตลอดจนการไปมาหาสู่ข้ามจังหวัด และการไม่นำพาต่อมาตราการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด อันแสดงให้เห็นถึงโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ อีกทั้ง องค์การอนามัยโลกได้เตือนให้การผ่อนคลาย หรือการยกเลิกมาตราการป้องกันโรคพึงทำด้วยความระมัดระวัง และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพราะเป็นที่ปรากฏแล้วว่าภายหลังการยกเลิกการควบคุม สถานการณ์ในบางประเทศกลับรุนแรงขึ้นใหม่ ดังนั้น จึง ความจำเป็นที่จะต้องขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลจะได้ประเมินสถานการณ์โดยอาจเพิ่มความเข้มงวด หรือผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตราการตามข้อมูลของฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และฝ่ายเศรษฐกิจ จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ยังมีผลบังคับใช้ต่อไปควบคู่กันโดยมุ่งจะให้การควงคุมและการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินยุติลงโดยเร็วและไม่ย้อนกลับมาอีก ขณะเดียวกันประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ภายใต้มาตราการป้องกันโรคและคำแนะนำของทางราชการ โดยมีการพิจารณาผ่อนคลายเป็นลำดับขั้นตอนตามหลักเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และคำนึงถึงประเภทของกิจการที่มีความเสี่ยงน้อย
ซึ่งขณะนี้ทาง ศบค. เตรียมออกมาตราการผ่อนปรน 6 กิจการทั่วประเทศซึ่งจะประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ได้แก่ 1. กิจการตลาดทุกประเภท 2. กิจการร้านจำหน่ายอาหาร 3. กิจการค้าปลีก –ส่ง 4. กิจการกีฬา – สันทนาการ 5. กิจการช่างตัดผม ช่างเสริมสวย และ 6. กิจการร้านตัดขนสัตว์
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกกฏหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ผู้มีอำนาจตามกฏหมายว่าด้วยการเดินอากาศและกฏหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองที่ได้แระกาศหรือสั่งไว้ก่อนวันที่จ้อกำหนดนี้ใช้บังคับ ไม่ว่าจะเป็นการห้าม การให้กระทำการ หรือการผ่อนคลายใดๆ ถือเป็นประกาศหรือสั่งตามข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราขกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปเช่นเดิม
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=55142