เลขาธิการ ศอ.บต. เผย หลังได้รับอุปกรณ์ช่วยเหลือ ชีวิตของผู้พิการดีขึ้น
พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยถึงแนวทางการดูแลกลุ่มคนเปราะบางในพื้นที่ จชต.ว่า การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในผลลัพธ์สุดท้ายที่เราต้องการก็คือ ประชาชนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายใต้วิถีพหุวัฒนธรรม ประชาชนต้องไม่แตกต่าง เหลื่อมล้ำ และต้องเกิดความเป็นธรรมในสังคมอาทิ กลุ่มคนเปราะบางหรือกลุ่มที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างเต็มที่ ได้แก่ เด็กกำพร้า คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ผู้ไร้สถานะทางทะเบียน หรือผู้ได้รับผลกระทบฯ จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เป็นต้น รวมแล้ว 11 ประเภท โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตต่อการเมืองชีวิตก็คือ คนพิการ ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัด มีกลุ่มคนที่เป็นผู้พิการประมาณ 75,000 คน ครึ่งหนึ่งจะเป็นพิการทางด้านการเคลื่อนไหว และประมาณ 7,000 คน เป็นผู้พิการซ้ำซ้อน โดยเฉพาะเด็กพิการซ้ำซ้อนพ่อแม่ต้องรับภาระมากมาย แม่ต้องอุ้มลูกอยู่ในอ้อมแขนไม่สามารถปล่อยมือไปทำงานที่อื่นได้ ศอ.บต. ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้เกิดความยั่งยืน
เลขาธิการ ศอ.บต. เผยอีกว่า จากที่ ศอ.บต.ได้ดำเนินการมอบอุปกรณ์ช่วยผู้พิการอย่างต่อเนื่องทุกปี ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีความห่วงใยกลุ่มคนเหล่านี้ จึงมีพระกระแสรับสั่งให้ ศอ.บต. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลเด็กพิการที่ซ้ำซ้อน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โดยเริ่มต้นจากการทำเป็นเก้าอี้สุขใจ และต่อยอดในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรับเก้าอี้ให้เข้ากับเด็กแต่ละคน หลังจากที่นั่งก็เริ่มให้มีการทรงตัวจึงมีการผลิตเตียงฝึกยืน ต่อมาก็เป็นโครงการรองเท้าคู่แรก รองเท้าสั่งตัด ที่มีการออกแบบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบเป็นลักษณะเฉพาะและรายบุคคล หลังจากนั้นหลายคนก็เริ่มเดิน และอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คือรถสิริเวชยาน ที่ได้พระราชทานนามอันเป็นมงคล เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่ห่างไกล สามารถที่จะฟื้นฟูสภาพเด็กพิการซ้ำซ้อนหรือผู้ป่วยติดเตียงได้ ซึ่งเราหวังว่าการขับเคลื่อนโครงการทั้งหมด เป้าหมายคือต้องการให้เด็กพิการที่ซ้ำซ้อนเหล่านี้มีโอกาส ในการพัฒนาชีวิตที่ครบวงจร สามารถเคลื่อนไหวได้ รวมถึงมีโอกาสศึกษา และมีสถานภาพต้องมีทักษะในการที่จะประกอบอาชีพในภายภาคหน้า ทำให้พ่อแม่คลายความกังวลเมื่อเข้าสู่วัยชรามากขึ้น
ทั้งนี้เลขาธิการ ยังเผยทิ้งท้ายว่า ที่ศอ.บต.เข้าไปช่วยเหลือผู้พิการให้พื้นที่ จชต. ได้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้น ถือว่าเป็นชีวิตใหม่ของคนไร้”ความหวัง” โดยศอ.บต.จะร่วมกับทุกภาคส่วนที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทุ่มเทความพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการสร้างชีวิตใหม่ให้มีความหวัง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=63039