กรมส่งเสริมการเกษตร ขยายผลโครงการพระราชดำริ เพิ่มเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบ สร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้

กรมส่งเสริมการเกษตร ขยายผลโครงการพระราชดำริ เพิ่มเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบ สร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้

             นายสุพิท จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ให้ข้อมูลว่า ในช่วงปี 2560 – 2564 โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้จัดทำแผนแม่บท เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวพระราชดำริ นโยบาย และความต้องการของประชาชน โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ ไว้ 3 ด้าน คือ 1) ด้านการศึกษา ทดลอง วิจัย และพัฒนา 2) ด้านการขยายผลการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ และ 3) ด้านการบริหารจัดการองค์กร สำหรับยุทธศาสตร์การขยายผลการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ สอดคล้องกับภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตรที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการขยายผลองค์ความรู้ของงานศึกษา ทดลอง วิจัยที่ประสบผลสำเร็จและเหมาะสมจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริไปสู่เกษตรกร

          โดยการนำองค์ความรู้ดังกล่าว ไปส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพของตนเองต่อไป ซึ่งในปี 2564 สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ได้ดำเนินโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กิจกรรมพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้เกษตรกรต้นแบบ จำนวน 15 ราย ในพื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ พื้นที่ศูนย์สาขา และพื้นที่ที่มีพระราชดำริให้ดำเนินการ โดยได้คัดเลือกเกษตรกรเครือข่ายที่มีพื้นที่อยู่รอบ ๆเกษตรกรต้นแบบ มาพัฒนาเป็นเกษตรกรต้นแบบ จำนวน 10 ราย เพื่อเป็นเครือข่ายต้นแบบในการขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเกษตรกร และนำไปศึกษาดูงาน พัฒนาทักษะให้ตรงกับความต้องการของเกษตรกร เพื่อยกระดับจากเกษตรกรเครือข่ายไปสู่เกษตรกรต้นแบบด้านการทำเกษตรแบบผสมผสาน

          ตัวอย่างเกษตรกรที่พัฒนาจากเกษตรกรเครือข่ายเป็นเกษตรกรต้นแบบ คือ นายบุญ  หะยะมิน  อยู่บ้านเลขที่ 2/3 หมู่ที่ 5 ตำบลบางขุนทอง อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เดิมประกอบอาชีพค้าขาย มีรายได้ไม่แน่นอน จึงผันตัวเองมาทำการเกษตร และได้เข้าฝึกอบรมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำกิจกรรมเกษตรแบบผสมผสาน ในพื้นที่ ๖ ไร่ ปัจจุบันทำกิจกรรมหลากหลายชนิด อาทิเช่น การทำนาการปลูกผักและไม้ผลบนคันนา การเลี้ยงไก่ และการเลี้ยงปลานิลในบ่อดิน เป็นต้นสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว เฉลี่ยเดือนละ 15,000 บาท จนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถเป็นแบบอย่างให้กับเกษตรกรราย อื่นๆ ได้

             จากผลสำเร็จในการพัฒนาเกษตรกรเครือข่ายให้เป็นเกษตรกรต้นแบบ กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา จึงได้ขยายผลโครงการพระราชดำริดังกล่าวให้กับเกษตรกรทั่วไปในชุมชน โดยมีเกษตรกรต้นแบบเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ เกิดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดที่เข้มแข็ง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ ลดรายจ่าย สามารถแก้ไขปัญหาของเกษตรกร และเกิดความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=63830