สมัชชา PM2.5 จ.สงขลา ชูแนวคิด”พลเมืองตื่นรู้…ร่วมใจรับมือ PM2.5 จ.สงขลา ด้วยแนวทาง Green&health”
วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2564) ที่ โรงแรมเซาท์เทิร์นแอร์พอร์ต อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายแพทย์วีระศักดิ์ พุทธาศรี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชา PM2.5 จังหวัดสงขลา “พลเมืองตื่นรู้…ร่วมใจรับมือPM2.5 จังหวัดสงขลา ด้วยแนวทาง Green & Health” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายในจังหวัดสงขลา เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสานพลังคนไทย “พื้นที่” สู้วิกฤติมลพิษอากาศ ด้วยการจัดสมัชชาพื้นที่ 6 แห่งโดยจังหวัดสงขลาเป็นหนึ่งในพื้นที่ดำเนินการ ชวนเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ 100 คนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมเสนอแนะ ภายใต้ประเด็นการป้องกันปัญหา ข้อมูลและเผยแพร่การปฏิบัติตนในวิกฤติการแก้ไขปัญหา และการติดตาม ประเมินผล. โดยมีการแบ่งกลุ่มนะดมสมองเป็น 4 ห้องย่อย ได้แก่ ห้องหมอกควันข้ามแดนวิทยากรโดย ศ.ดร.พีระพงศ์ ทีฆสกุล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , ห้องเผาในที่โล่ง วิทยากร โดย นายภิติพัฒน์ หนูมี ปลัด อบต.ควนโส , ห้องมลภาวะจากจราจร วิทยากร โดย อาจารย์ชลัท ทิพากรเกียรติ คณะวิศวกรรมศาสตร์มทร.ศรีวิชัย และนางเรณู ทิพย์มณี และห้องมลภาวะสถานประกอบการ วิทยากร โดยคุณศิริลักษณ์ วิศวรุ่งโรจน์ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา
. ศ.ดร.พีระพงศ์ ทีฑสกุล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หนึ่งในวิทยากร กล่าวว่า สาเหตุของการเกิด PM2.5 ในประเทศไทย เกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ ฝุ่นควันจากการเผาไม้จากหมอกควันข้ามแดน ปัญหาสำคัญของสงขลามาจากไฟป่าประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะปี 2558 ซึ่งสอดคล้องกับปรากฎการณ์เอลนิโย , ฝุ่นควันจากการผาไหม้ในที่โล่ง เผาป่า เผาเพื่อบุกรุก เผาขยะในครัวเรือน กรณีไฟป่าจากในพื้นที่จะมีการเผาไม้ยางพาร าไฟไหม้ป่าพรุบางนกออก , ฝุ่นควันจากการจราจร โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ บวกกับการดัดแปลงสภาพรถโหลดเตี้ยทำให้เกิดควันดำ และฝุ่นควันการประกอบอุตสาหกรรม กรณีฝุ่นควันจากโรงงาน สถานประกอบการ การเผาขยะจากการฝังกลบ
. ในส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบ กลุ่มเสี่ยงสำคัญ ประกอบด้วย เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่ไม่อาจเดินทาง หรือหลบเลี่ยง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 16 ที่เป็นหน่วยรับผิดชอบระดับภาคแล้ว ยังมีสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด(กสจ.) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตฝั่งตะวันออก สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ตำรวจราจรกรมป่าไม้ เป็นต้น
. โดยในส่วนของจังหวัดสงขลา จะได้รับผลกระทบจากหมอกควันในช่วงเดือนกรกฎาคม–ตุลาคมของทุกปี โดยได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเผาไหม้ในพื้นที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียเป็นหลัก และถูกลมพัดพามาถึงภาคใต้ของประเทศไทยภายในระยะเวลา 1-2 วัน โดยมีปัจจัยจากทิศทางลม การชะล้างของฝน ภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ เป็นต้น
. ดังนั้น การจัดสมัชชาครั้งนี้ เพื่อสร้างพื้นที่การพูดคุย และสร้างการมีส่วนร่วม(constructive dialogue) และแสวงหา Common goals เพื่อริเริ่มกลไกความร่วมมือสู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืน ด้วยกรอบแนวคิดทุกนโยบายห่วงใยสุขภาวะ (HiAPs) ทั้งนี้ ได้มีการชูมาตรการเด่นในการจัดการ PM2.5 ดังนี้ .
1.ให้มีมาตรการก่อนเกิดภัยมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ผ่านเครื่องวัดที่ประชาชนเข้าถึงได้ และน่าเชื่อถือครอบคลุมในจุดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสำคัญ ได้แก่ โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ออกกำลังกายกำหนด Green zone ในจุดสำคัญ เช่น สถานที่ออกกำลัง สถานที่ท่องเที่ยว สร้างพื้นที่อากาศบริสุทธิ์(เช่น ต.สะท้อน) ผลักดันนโยบายในระดับเมือง Greencity มีข้อตกลงกับชุมชนเลิกเผาขยะจากครัวเรือน.
2. สร้างความร่วมมือในการรับมือระดับพื้นที่ลดปัญหามลภาวะจากแหล่งกำเนิดอาทิ แก้ปัญหาไฟไหม้ป่าพรุบางนกออก ต.ควนโส ด้วยการจัดทำแผนเผชิญเหตุ การจัดทำข้อตกลงหรือธรรมนูญกับชุมชน พิทักษ์ฐานทรัพยากรสำคัญในป่าพรุที่มีผึ้งหลวงหายาก หรือกรณีตำบลปาดังเบซาร์ที่เป็นพื้นที่ในหุบเขา รับปัญหาไฟป่าจากอินโดฯและการเผาอ้อยจากมาเลเซีย รวมถึงจากการขนส่งสินค้า ทำให้นักเรียน ชุมชนได้รับผลกระทบ ที่จะต้องมีมาตรการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน การมีข้อตกลงกับรถขนส่งข้ามพรมแดน
. 3. การสื่อสารทางสังคม หน่วยงานรัฐ ฝ่ายวิชาการ สื่อมวลชน ขยายผลความรู้การรับมือไปยังเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพ ทสม. นักศึกษาจิตอาสาอสม. แกนนำชุมชน ให้สามารถเข้าใจความรู้พื้นฐาน เครื่องมือ อุปกรณ์ สื่อความรู้ต่างๆ
สุธิดา พฤกษ์อุดม / สวท.สงขลา รายงาน 23 ก.พ. 64
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=63909