|

รู้จัก “มะม่วงเบาสงขลา” สินค้า GI อัตลักษณ์เมืองสงขลา

รู้จักมะม่วงเบาสงขลาสินค้า GI อัตลักษณ์เมืองสงขลา

            จากการที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ประกาศขึ้นทะเบียน GI มะม่วงเบาสงขลา ทั้งผลสดและแปรรูป  ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ทั้งในแง่ของคุณภาพ และอัตลักษณ์รสชาติโดดเด่นมีรสชาติเปรี้ยว เนื้อสีขาวแน่นและกรอบ ซึ่งเกิดจากการปลูกในสภาพดินร่วนปนทรายที่มีการทับถมของซากเปลือกหอย ส่งผลให้มะม่วงเบาสงขลามีรสชาติดีกว่าพื้นที่อื่น   โดยพื้นที่ปลูกมะม่วงเบาสงขลาที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ครอบคลุมพื้นที่ปลูกบริเวณคาบสมุทรสทิงพระ 4 อำเภอของจังหวัด คือ อำเภอสิงหนคร อำเภอสทิงพระ อำเภอกระแสสินธุ์ และอำเภอระโนด นอกจากขึ้นทะเบียนมะม่วงเบาผลสดแล้ว การขึ้นทะเบียนยังรวมถึงมะม่วงเบาแช่อิ่ม และมะม่วงเบาดองเกลือ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมของคนในจังหวัดและนักท่องเที่ยวที่มักซื้อนำไปเป็นของฝากลือชื่อจากจังหวัด และมีศักยภาพสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรในชุมชน                        ในสมัยก่อนมักจะมีต้นมะม่วงเบาเกือบทุกบ้าน โดยสันนิษฐานว่าเริ่มปลูกที่อำเภอสิงหนคร เป็นเวลากว่า 100 ปีมาแล้ว เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อมีคนจีนจากฝั่งอำเภอเมืองแจวเรือข้ามฟากมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกับฝั่งสิงหนคร ซึ่งสมัยนั้นนิยมรับประทานมะม่วงเบาผลสุกมากกว่าผลดิบ การปลูกในสมัยนั้นนิยมปลูกไว้สำหรับบริโภคภายในครัวเรือน เพื่อความร่มรื่น หรือเพื่อแสดงพื้นที่อาณาเขตที่ดินของตนเองเท่านั้น หลังจากการก่อสร้างสะพานติณสูลานนท์แล้วเสร็จ การเดินทางระหว่างอำเภอสิงหนคร เกาะยอและอำเภอหาดใหญ่ มีความสะดวกมากขึ้น ทำให้การค้าขายคล่องตัว เริ่มมีพ่อค้าคนกลางรับซื้ออาหารทะเล ผลผลิตทางการเกษตร และมะม่วงเบามาขายในตลาดหาดใหญ่ ชาวบ้านในอำเภอสิงหนครและอำเภอใกล้เคียง เริ่มมีการปลูกมะม่วงเบามากขึ้นทำให้มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในชื่อมะม่วงเบาสงขลา                                ปัจจุบันมีการปลูกมากบริเวณคาบสมุทรสทิงพระ โดยเฉพาะอำเภอสิงหนคร มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดจำนวนกว่า 2,000 ไร่ เกษตรกรแจ้งขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เกษตรกรจำนวน 214 ครัวเรือน เนื้อที่ปลูก 377.76 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 377.76 ไร่ ผลผลิตต่อไร่ 1,500 กิโลกรัม ปริมาณการผลิต 500 ตัน ส่วนที่ไม่ได้แจ้งขึ้นทะเบียนเนื่องจากมีเนื้อที่ปลูกไม่ถึง 1 ไร่ มะม่วงเบาจะให้ผลผลิตปีละ 2 ช่วงคือ ประมาณเดือนมีนาคมเมษายน และเดือนกันยายนตุลาคม ทำให้ต้องใส่ปุ๋ยบำรุงต้น บำรุงดอกอย่างต่อเนื่อง ผลผลิตต่อต้นต่อปีราว 400 – 600 กิโลกรัมราคาหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 30 – 80 บาท ปัจจุบันมีเกษตรกรจำนวนกว่า 30 คน เนื้อที่กว่า 170 ไร่ทำการเกษตรแบบปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตรทำให้ผลผลิตเป็นที่ต้องการอย่างมากและมีปริมาณไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายนอกจากนี้ยังได้มีการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มแม่บ้าน นำมะม่วงเบาไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย เช่น น้ำมะม่วงเบาพร้อมดื่ม มะม่วงเบาแช่อิ่ม มะม่วงเบากวน แยมมะม่วงเบาน้ำพริกมะม่วงเบา ซึ่งสร้างรายได้ให้กับสมาชิกของกลุ่ม                      นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า เอกลักษณะที่โดดเด่นของมะม่วงเบาสงขลา คือ ผลมีรูปทรงเป็นรูปไข่กลับ รูปหน้าตัดทรงผลเป็นป้อมรี จุกของผลมีขนาดเล็ก ทางไหล่ซ้ายของผลกลมนูนและทางไหล่ขวาของผลลาดลง 45 องศา ร่อง ฐานผล ท้องผล โหนก และจงอยของผลไม่มีเปลือกสีเขียว เนื้อสีขาว กรอบมาก รสชาติไม่เปรี้ยวจัด มีกลิ่นหอมอ่อน ตั้งแต่ปีงบประมาณ .. 2562 เป็นต้นมา กรมส่งเสริมการเกษตร มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานระดับภูมิภาคของกรมส่งเสริมการเกษตรในภาคใต้ ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลา ดำเนินงานโครงการยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอัตลักษณ์และเหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยนำไม้ผลอัตลักษณ์ที่สำคัญในท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดในภาคใต้ มาส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยการให้ความรู้แก่เกษตรกรเพื่อผลักดันให้เกิดแปลงต้นแบบในพื้นที่ การถ่ายทอดองค์ความรู้งานวิจัยสู่เกษตรกรตั้งแต่การดูแลสวน การจัดการธาตุอาหารให้กับต้นพืช ไปจนถึงการแปรรูปและการตลาด การเพิ่มมูลค่าด้วยวิธีการต่าง รวมทั้งการเข้าสู่กระบวนการขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ในส่วนของมะม่วงเบาสงขลา เข้าสู่กระบวนการขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ตั้งแต่ปี 2563 และเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศให้มะม่วงเบาสงขลา ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ตามคำขอเลขที่ 63100256 ทะเบียนเลขที่ สข 65100190 การขึ้นทะเบียนดังกล่าวครอบคลุมทั้งมะม่วงเบาผลสด มะม่วงเบาแช่อิ่ม และมะม่วงเบาดองเกลือ                       นายอนุชา ยาอีด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากการขึ้นทะเบียนสินค้าชุมชนเป็นสินค้า GI คือ การคุ้มครองชื่อสินค้าให้เป็นสิทธิ์เฉพาะของชุมชนที่ขึ้นทะเบียน  เพิ่มมูลค่าของสินค้าและเป็นเครื่องมือการตลาด ดูแลมาตรฐานของสินค้าและรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้กับแก่ชุมชน เพิ่มความสามัคคีเพื่อพัฒนาท้องถิ่น สนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนผู้ผลิตอย่างยั่งยืนและสร้างความเชื่อมั่นในแหล่งที่มาและคุณภาพของตัวสินค้าให้กับผู้ซื้อ ดังนั้นการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จึงเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ผู้ประกอบการตระหนักและใช้ประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เพราะสินค้าชุมชนหรือท้องถิ่นเมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์แล้ว ก็จะดันมูลค่าสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ยิ่งไปกว่านั้นการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ยังเป็นการช่วยเปิดตลาดสินค้านั้น และป้องกันการสวมสิทธิ์จากผู้ค้ารายอื่น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในยุคของโลกการค้าที่มีการแข่งขันสูงเช่นปัจจุบัน

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=77065

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us