กรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่สงขลารับฟังปัญหาการเดินทางระหว่างประเทศบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย และเสวนาประเด็นการปกครองฯ
กรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่สงขลารับฟังปัญหาการเดินทางระหว่างประเทศบริเวณชายแดนไทย–มาเลเซีย และเสวนาประเด็นการปกครองฯ
เมื่อวันที่ 8-9 มกราคม 2566 กรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อศึกษาดูงานและรับฟังความคิดเห็นจากส่วนราชการท้องถิ่น ภาคเอกชนในพื้นที่ นำโดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.เขต 5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และรองกรรมาธิการการปกครองฯ นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ นางสาวกวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไทกรรมาธิการ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล ส.ส.เขต 6 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่ ร่วมลงพื้นที่กับภาคส่วนต่างๆ โดยจุดแรกลงพื้นที่ ณ ศูนย์การเรียนรู้ เทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ เพื่อรับฟังปัญหาเกี่ยวกับการค้าชายแดน การท่องเที่ยวของเมืองชายแดน โดยนายอรรถพลพร้อมมูล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ ได้สะท้อนปัญหาสำคัญของการเดินทางข้ามแดนระหว่างไทย–มาเลเซีย ที่ด่านปาดังเบซาร์ ว่าทุกวันนี้ด่านตรวจคนเข้าเมืองมีการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านด่านช่วงนอกเวลาราชการคนละ 25 บาท ซึ่งทำให้คนที่เดินทางไปทำงานหรือเดินทางท่องเที่ยวแบบไปกลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากเป็นไปได้อยากให้มีการยกเลิกการจัดเก็บตรงนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองชายแดนได้มากกว่า ซึ่งทราบว่าเป็นกฎกระทรวงที่หน่วยงานระดับพื้นที่ยกเลิกเองไม่ได้จึงฝากกรมมาธิการช่วยแก้ไขด้วย
ส่วนตัวแทนภาคเอกชนร่วมกันนำเสนอในหลายประเด็น โดย ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่–สงขลา นำเสนอว่าสิ่งที่รัฐส่งเสริมมาส่วนใหญ่ไม่ได้มีผลต่อชาวบ้านในพื้นที่โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เริ่มดำเนินการไม่มีการจ้างงานในพื้นที่ แต่สิ่งที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่เป็นช่องทางสร้างรายได้ระดับพื้นที่กลับไม่มีเลย ไม่ว่าจะเป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยว การสนับสนุนพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรม สร้างจุดขายให้เมืองชายแดน รวมถึงปัญหารถบรรทุกที่แออัดอยู่บริเวณชายแดนซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อการจราจร การค้าของชาวบ้านมลพิษ การเกิดอุบัติเหตุ และอีกหลายปัญหาที่ภาคเอกชนร่วมกันสะท้อนถึงคณะกรรมาธิการในวันนี้ ซึ่งทางตัวแทนส่วนราชการที่ร่วมเวทีได้ชี้แจงในประเด็นรถบรรทุกแออัดบริเวณหน้าด่านสะเดา อย่างการขอใช้พื้นที่ของ อบจ.สงขลา ช่วงก่อนถึงด่านสะเดา สำหรับจอดรถบรรทุกนั้น นายอับดุลรอหมาน กาเหย็ม รองนายกอบจ.สงขลา กำลังหารือในข้อกฎหมายเพราะเกรงว่าการใช้งานอาจจะขัดต่อวัตถุประสงค์การใช้พื้นที่ รวมถึงการลงทุนกวาดพื้นที่ถมดินและบดอัดคาดว่าจะใช้งบประมาณสูงถึง 4-5 ล้านบาท ส่วนของทางด่านศุลการกร ได้มีการวางแผนการแก้ปัญหาระยะยาวไว้แล้วว่าเมื่อถนนเชื่อมด่านแห่งใหม่สร้างเสร็จก็จะให้รถบรรทุกขาออกไปใช้ที่ใหม่ทั้งหมด
ในส่วนของเวทีที่เทศบาลตำบลสำนักขาม มีนายสาธิต ลิ่ววัฒนะโชตินันท์ นายกเทศมนตรีตำบลสำนักขาม นายคล่อง เรืองสังข์ ปลัดอาวุโสอำเภอสะเดา ร่วมกล่าวต้อนรับ ส่วนการเสวนาทางด้านประเด็นการสร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของภาครัฐเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน มีนายประสิทธิ์ แก้วมรกตนายกเทศมนตรีตำบลทุ่งลาน อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา นางพจณีย์ สุวรรณเวหาประธานชมรม อสม.จังหวัดสงขลา นางสมถวิล กาญจนเพ็ญ นายกสมาคม อสม.จังหวัดสงขลา และนายศักสิทธิ์ ขาวทอง ตัวแทนภาคประชาสังคม ร่วมเวทีเสวนา โดยได้มีการสะท้อนถึงปัญหาในประเด็นต่างๆ การพัฒนาเมืองหน้าด่านสะเดาไปจนถึงหาดใหญ่ที่ควรมีการสร้างจุดขายให้แต่ละตำบลเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้จอดพัก ได้แวะจับจ่ายบ้างแทนที่จะมุ่งหน้าสู่หาดใหญ่หรือพื้นที่อื่นๆ อย่างเดียว การถ่ายโอนงานของ รพ.สต.ให้อบจ. แทนที่จะให้ท้องถิ่นอย่าง อบต.หรือเทศบาล ซึ่งใกล้ชิดชาวบ้านมากกว่า และอาจมีผลกระทบต่อการทำงานที่ซ้ำซ้อนของ อสม.ได้ ในประเด็นการปกครองท้องถิ่น นายประสิทธิ์ แก้วมรกต นายกเทศมนตรีตำบลทุ่งลาน ได้สะท้อนถึงปัญหาหลายอย่างที่ท้องถิ่นในชนบทได้รับไม่เท่ากับท้องถิ่นในเมืองโดยเฉพาะท้องถิ่นที่ยกฐานะก่อน พ.ร.บ.กระจายอำนาจ จะได้รับภาษีที่สูงกว่ามากเมื่อเที่ยบกับท้องถิ่นเกิดใหม่ ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจนทั้งเรื่องของการพัฒนาถนนหนทาง การตอบสนองความต้องการของประชาชน เพราะงบประมาณที่ได้รับแตกต่างกันมาก สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่เราต่อสู้ผลักดันกันมาตลอด หน่วยงานที่จะมาสนับสนุน ท้องถิ่นมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ อย่างกรมทางหลวงชนบท มีข้อกำหนดว่าการทำถนนต้องกว้าง 6 เมตร ไหล่ทางข้างละ 1 เมตร รวม 8 เมตร ถึงจะทำได้ซึ่งถนนในหมู่บ้านแทบไม่มีเลย ทางหลวงชนบทส่วนใหญ่เลยทำถนนในเมืองมากกว่าชนบท
ทั้งนี้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองกรรมาธิการการปกครองฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับทราบปัญหาในหลายประเด็น ทั้งเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ในระดับพื้นที่ก็จะเร่งช่วยประสานกับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงหน่วยงานระดับกระทรวงก็จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้รับผิดชอบโดยตรงด้วย ในพื้นที่อำเภอสะเดาซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านชายแดนยังมีปัญหาค่อนข้างเยอะทั้งถนนหนทาง ความสวยงาม ความปลอดภัย ความแออัด ต้องร่วมกันผลักดันอย่างจริงจังในเรื่องขอมอเตอร์เวย์หาดใหญ่–สะเดา ข้อเสนอขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตนเองรับทราบและผลักดันเป็นนโยบายของพรรคในการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นต้องทำอย่างจริงจังทั้งงบประมาณ บทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน เพราะท้องถิ่นคือหน่วยงานที่รู้ปัญหาและใกล้ชิดชาวบ้านมากที่สุด ส่วนประเด็นเกี่ยวกับข้อกฎหมายก็ต้องไปว่ากันในสภาที่ต้องช่วยกันผลักดันต่อไป
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=77148