คืบหน้า!สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา สิงหนคร-เมืองสงขลา ทางหลวงชนบทตั้งงบ 9 ล.ศึกษาฯ
โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ฝั่งหัวเขาแดง อ.สิงหนคร กับ อ.เมืองสงขลา ล่าสุดทางหลวงชนบทตั้งงบ 9 ล. ศึกษาผลกระทบ ขณะในที่ประชุมแย้ง พื้นที่ติดมติ ครม.ห้ามมีการก่อสร้าง ด้าน“เจือ ราชสีห์” ไม่กังวล มั่นใจทุกเรื่องมีทางออก หากเป็นความเดือนร้อนของประชาชน ทุกหน่วยงานพร้อมที่จะช่วยกันแก้ไข
วันที่ 25 ธันวาคม 2567 เวลา 13.00 น. ที่ โรงแรมลากูน่า แกรนด์ แอนด์ สปา สงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศึกษาความเหมาะสมในเบื้องต้นเพื่อรายงานผลการดำเนินงาน สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาหรืออุโมงค์ลอดทะเลสาบ ณ บริเวณท่าแพขนานยนต์สงขลา เพื่อเชื่อมต่ออำเภอเมืองสงขลากับอำเภอสิงหนคร ของจังหวัดสงขลา มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องเดินทางระหว่างอำเภอเมืองสงขลาและอำเภอสิงหนครให้มีความสะดวกสบายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยมีนายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายวีรเดช ชีวาพัฒนานุวงศ์ วิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา(ด้านสำรวจและออกแบบ),สำนักงานเจ้าท่าจังหวัดสงขลา,สำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ซึ่งในระหว่างการประชุม นายวีรเดช ชีวาพัฒนานุวงศ์ วิศวกรฯ ได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้รับทราบความคืบหน้าและการดำเนินงานผลการสำรวจพื้นที่และการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ โดยคณะทำงานได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการสร้างสะพานข้ามทะเลสาบในด้านต่าง ๆ เช่น ปริมาณจราจรที่หนาแน่นและความจำเป็นในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างสองพื้นที่ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง
และในที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการขออนุญาตยกเว้นจากมติคณะรัฐมนตรี ปี 2532 ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมบางข้อที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้างสะพาน โดยคณะกรรมการจะดำเนินการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องยื่นคำร้องขอการยกเว้นจากระเบียบหรือข้อบังคับบางประการที่อาจจะเป็นอุปสรรค
ทั้งนี้คณะกรรมการได้เสนอให้พิจารณาการสร้างสะพานในรูปแบบ “สะพานเปิดปิด” ซึ่งจะรองรับการข้ามผ่านของเรือและยังสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดในพื้นที่ได้สะดวก โดยสะพานประเภทนี้ได้ถูกใช้งานในหลายประเทศและสามารถตอบโจทย์การจราจรในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าโครงการนี้จะใช้งบประมาณประมาณ 500 ล้านบาท โดยกำหนดแผนการศึกษาความเป็นไปได้ให้เสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2569 ซึ่งจะต้องมีการจัดทำรายละเอียดและแผนการดำเนินงานให้ชัดเจน นายเจือ ราชสีห์ กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า โครงการสะพานข้ามทะเลสาบจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางและเชื่อมโยงการค้าขายระหว่างอำเภอสิงหนครและเทศบาลนครสงขลา รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาอย่างยั่งยืน โดยการเชื่อมต่อของสองพื้นที่นี้จะทำให้การเดินทางและการขนส่งสินค้ารวดเร็วและสะดวกขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจของทั้งสองพื้นที่มีการเติบโตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสความสวยงามของทะเลสาบและวิถีชีวิตท้องถิ่นได้มากขึ้น โดยขณะนี้ทางกรมทางหลวงชนบทได้ตั้งงบประมาณ จำนวน 9 ล้านบาท เพื่อศึกษาผลกระทบ ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มนับหนึ่งของโครงการฯ
ส่วนข้อกังวล ของ ผอ.เจ้าท่า จ.สงขลา ที่แจ้งที่ประชุม ว่า บริเวณดังกล่าว ทางคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุรักษ์ เมืองเก่าสงขลา ได้นำเรื่องนี้ เทียบเคียงมติคณะรัฐมนตรี 2532 ที่ห้ามมีการก่อสร้างโครงการ intensive หรือ สิ่งปลูกสร้างใดๆ ตั้งแต่ ท่าเทียบเรือข้ามฝากถึงแหลมสน
นายเจือ กล่าวว่า ในที่ประชุม ผอ. สผ. จังหวัดสงขลา ได้แจ้งว่า “ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จะเป็นประธาน คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุรักษ์ฯ และจะส่งต่อ คณะกรรมการอนุรักษ์ ชุดใหญ่ พิจารณาต่อที่ กระทรวงทรัพยากรฯ จากการนำเสนอโครงการมา คณะกรรมการอนุรักษ์ ชุดใหญ่ จะอนุมัติตามมติชุดจังหวัดสงขลา เพื่อข้อยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ ปี2532 ต่อไป
“เป็นเรื่องปกติ ซึ่งบางเรื่องเวลาจะทำอะไร ก็ต้องทำตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งในส่วนของขั้นตอนต่อไป ทางจังหวัดจะมีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการฯเพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมมตรี เพื่อขอยกเว้นบางข้อตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งตนเองไม่กังวลและเชื่อว่าหากทำเพื่อประชาชน ทุกหน่วยงานยินดีที่จะให้ความร่วมมือ“
อย่างไรก็ตาม นายเจือ ยังตั้งข้อสังเกตุ อีกว่า “ในเมื่อบริเวณดังกล่าวมีมติคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2532 ห้ามให้มีการก่อสร้างโครงการใดๆ ในพื้นที่ทะเลสาบ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า มีการก่อสร้างโครงการต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น ท่าเรือน้ำลึกสงขลา เขื่อนกั้นตะกอนทราย และท่าเรือของเอกชน ที่สามารถทำการก่อสร้างได้ เช่นเดียวกับสะพานฯ ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนรวมทั้งยังเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาอย่างยั่งยืน ”
ทั้งนี้ นายเจือ ยืนยันว่า จะมีการผลักดันโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยจะนำความเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ รวมถึงการตรวจสอบทุกมิติทั้งด้านเทคนิคและการศึกษาผลกระทบ(EIA) ที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคาดว่าโครงการนี้จะเสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้งานได้ภายในปี 2572 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=93630