|

เกษตรเขต 5 สงขลา ลงพื้นที่ติดตามกรณีพบสารปนเปื้อนในผลผลิตทุเรียนภาคใต้

เกษตรเขต 5 สงขลา ลงพื้นที่ติดตามกรณีพบสารปนเปื้อนในผลผลิตทุเรียนภาคใต้

         นางสุนิภา  คีรีนารถ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่าในตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ประเทศจีนกำหนดให้ทุเรียนทุกล๊อตจากทุกประเทศที่ส่งออกไปยังประเทศจีน จะต้องผ่านการตรวจและแนบผลการวิเคราะห์ Test Report ทั้งสารย้อมสี Basic Yellow 2 (BY2) และแคดเมียม ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B โดยผลวิเคราะห์ต้องไม่พบสารดังกล่าว และหากพบสารต้องห้ามจะระงับการนำเข้าทันที

            ดังนั้น สสก.5 สงขลา จึงมีการลงพื้นที่ปลูกทุเรียนนอกฤดูเพื่อการส่งออกในจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชุมพร เพื่อติดตาม ตรวจเยี่ยมและกำชับให้สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอต้องชี้แจงเกษตรกรให้เข้าใจในประเด็นดังกล่าว โดยการผลิตจะต้องปฏิบัติตามระบบการผลิตพืชตามมาตรฐาน GAP เพื่อให้ปลอดสารเคมีตกค้าง หากจำเป็นต้องใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ต้องใช้สารให้ถูกชนิดปริมาณที่ถูกต้อง และเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัย หากเกษตรกรละเลยจะมีผลกระทบต่อทุเรียนเพื่อการส่งออก และตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการส่งออก (ล้ง) เพื่อทราบสถานการณ์และปัญหาการส่งออกทุเรียนของภาคใต้

          โดยเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 สสก.5 จังหวัดสงขลา ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อร่วมประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานเกษตรเกษตรอำเภอพรหมคีรี และนายชวิศร์ สวัสดิสาร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นได้ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการส่งออก (ล้ง) และสวนเกษตรกรที่กำลังจะเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียน โดยได้สอบถามประเด็นปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในผลผลิตทุเรียน และผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเพื่อการส่งออก

          ผลจากการประชุมหารือและตรวจเยี่ยม มีข้อมูลการผลิตทุเรียนนอกฤดูของจังหวัดนครศรีธรรมราช ดังนี้

1. ผลผลิตทุเรียนนอกฤดูในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีประมาณ 13,000 กว่าตัน มีกำหนดเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 11-31 มกราคม 2568 ประมาณ 4,000 กว่าตัน ซึ่งส่วนใหญ่มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับล้งในราคา 200-280 บาท/กก. ผลกระทบจากมาตรการป้องกันสารปนเปื้อนในทุเรียนที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน ทำให้ล้งขอต่อรองลดจากสัญญา 30-50 บาท/กก. และมีเงื่อนไขให้เกษตรกรนำตัวอย่างผลผลิตไปตรวจรับรองหาสารเคมีตกค้าง หากไม่ตรวจราคารับซื้อผลผลิตจะลดลงเหลือ 100-120 บาท/กก.

2. จากการตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการส่งออก (ล้ง) มีการรับซื้อผลผลิตเตรียมส่งออกจำนวน 1 ตู้
(18 ตัน) โดยประสานเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรมาสุ่มตรวจผลผลิตทุเรียน เพื่อนำส่งห้องปฏิบัติการตรวจทดสอบสารต้องห้าม ที่อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา ใช้เวลารอผลทดสอบประมาณ 2-3 วัน เมื่อได้ผลตรวจก็จะประสานเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร มาปิดตู้เพื่อส่งออกโดยเครื่องบินต่อไป ส่วนวิธีการรับซื้อผลผลิตทางล้งจะรับซื้อจากเกษตรกรโดยตรงและจากสายตัดของล้ง ทั้งนี้ หากพบว่าผลผลิตมีคราบปนเปื้อนสารเคมีบริเวณขั้วผลหรือผลทุเรียน ล้งจะไม่รับซื้อผลผลิตชุดนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการตรวจพบสารเคมีตกค้าง

3. จากการตรวจเยี่ยมสวนที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนในช่วงนี้ เป็นสวนของประธานเกษตรกรแปลงใหญ่ทุเรียนอำเภอพรหมคีรี นายสุรพล คุณโลก ซึ่งมีการปฏิบัติดูแลรักษาตามมาตรฐาน GAP ไม่พบคราบสารเคมีที่ผลและขั้วผล มีผลผลิตในสวนประมาณ 1,900 ผล เดิมได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้แล้วในราคาผลผลิตรวม กิโลกรัมละ 205 บาท โดยสิ้นสุดสัญญาเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 แต่ล้งไม่มาตัดทุเรียนและยอมให้เจ้าของสวนยึดมัดจำ ทำให้ต้องหาพ่อค้ารายใหม่มารับซื้อ และสามารถหาผู้รับซื้อได้แล้วซึ่งจะเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนในวันที่ 23 มกราคม 2568 โดยกำหนดราคาใหม่ เกรด ABC และน้ำหนัก 1.8-6.0 กก./ผล ในราคากิโลกรัมละ 160 บาท ผลผลิตนอกจากนั้นจะรับซื้อในราคาเกรดตกไซด์กิโลกรัมละ 50 บาท ทั้งนี้ เกษตรกรแจ้งว่าจากการไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตตามกำหนดเวลาคาดว่าจะสูญเสียน้ำหนักไป 10-15 %       

            วันที่ 23 มกราคม 2568 สสก.5 จังหวัดสงขลา ช่วงเช้าลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้ผลิตทุเรียนนอกฤดูในพื้นที่อำเภอท่าชนะ ซึ่งมีผลลิตประมาณ 370 ตัน และจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่ กลางเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568

          จากการสอบถามนางสาวสุจิตรา ร่มสนุก เกษตรกรในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลคันธุลี อำเภอท่าชนะ ให้ข้อมูลว่า ปี 2568 ตนเองทำทุเรียนนอกฤดูจำนวน 3 แปลง ประมาณ 130 ต้น ให้ผลผลิตประมาณ 18 ตัน จะเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยวันนี้ได้ทำสัญญาซื้อขายกับผู้ประกอบการในราคา 150 บาท/กก. (คละเกรด) ซึ่งก่อนเกิดปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในผลผลิต เกษตรกรคาดว่าจะขายได้ในราคากิโลกรัมละ 250 บาท                  และช่วงบ่าย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ (ล้ง) อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอหลังสวน และสำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร พบว่าส่วนใหญ่หยุดรับซื้อผลผลิต ส่วนล้ง KAF ซึ่งเป็นล้งขนาดใหญ่ส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนทางเครื่องบิน มีระบบและอุปกรณ์ตรวจสอบย้อนกลับทุเรียนทุกผล (ใช้เลเซอร์ยิงคิวอาร์โค้ดทุกผล) รับซื้อทุเรียนจากเกษตรกรเฉพาะที่นำมาขายที่ล้ง ในราคาเกรด AB 170 บาท/กก. เกรด C ราคา 125 บาท/กก. โดยกำหนดปริมาณการรับซื้อจำนวน 18 ตัน (1 ตู้คอนเทนเนอร์) ก่อนจะหยุดเทศกาลตรุษจีน (27-29 มกราคม 2568)

          ทั้งนี้ ผลผลิตที่จะส่งออกไปต่างประเทศต้องไม่มีร่องรอยของคราบสารเคมี หากพบจะแยกไว้จำหน่ายในประเทศ ส่วนการส่งตัวอย่างเพื่อตรวจสอบสารปนเปื้อน พบว่า ยังไม่สะดวกในการขนส่งตัวอย่างไปยังบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด สาขาสงขลา ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และการนำสินค้าผ่านด่านตรวจพืชที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำเป็นต้องใช้หนังสือรับรองฉบับจริงเท่านั้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องเดินทางไปรับเอกสารฉบับจริงที่ห้องปฏิบัติการกลางอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทำให้เสียเวลาและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ล้ง KAF แจ้งว่า จะรับซื้อทุเรียนถึงต้นเดือนมีนาคม ก่อนจะย้ายระบบและอุปกรณ์รวมทั้งบุคลากรไปจังหวัดจันทบุรี และจะกลับมารับซื้อที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพรอีกครั้งช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=94482

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us