|

ชาวนกกรงหัวจุก “ช่วยชาติ” จัดแข่งขันนกนัดพิเศษระดมทุนหนุนพี่น้องทหารประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา

ชาวนกกรงหัวจุก “ช่วยชาติ” จัดแข่งขันนกนัดพิเศษระดมทุนหนุนพี่น้องทหารประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา

            สงขลา – คนเลี้ยงนกกรงหัวจุกช่วยชาติ จัดแข่งนกระดมทุน ส่งแรงใจแรงสนับสนุนช่วยเหลือพี่น้องทหารและประชาชน ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เดือดร้อนจากการปะทะระหว่าง 2 ประเทศ ชวนจัดการแข่งขันทุกชนิดกีฬาการกุศล ช่วยเหลือต่อเนื่องหวั่นยืดเยื้อเดือดร้อนยาว

          ที่บริเวณสนามโรงเรียนจะนะชนูปถัมภ์ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา  ชมรมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ร่วมหลายองค์กรจัดการแข่งขันนกกรงหัวจุก นัดพิเศษ ร่วมระดมทุน เพื่อส่งไปมอบให้กับทหาร และประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จากการปะทะ บริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชา ในหลายจังหวัด ที่ขณะนี้ มีการอพยพประชาชนออกห่างจากเขตอันตรายในหลายจังหวัด โดยในการจัดแข่งนกกรงหัวจุกในครั้งนี้นั้น รายได้จากการลงทะเบียนแข่งขัน หลังหักค่าใช้จ่าย ก็จะส่งมอบไปให้ความช่วยเหลือผ่านองค์กรที่เชื่อถือได้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่คนเลี้ยงนกกรงหัวจุกร่วมช่วยชาติ โดย พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.เขต 8 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบเงินส่วนตัว ร่วมสมทบการช่วยเหลือ พี่น้องชายแดนไทย-กัมพูชาด้วย                     พล.ต.ต.สุรินทร์ กล่าวว่า ชมรมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกอำเภอจะนะ น่าจะเป็นองค์กรแรกๆ ในการจัดระดมทุน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องของเรา ที่ประสบภัย ต้องอพยพ ออกจากบ้านเรือน ซึ่งเราไม่รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้ จะเกิดต่อไปอีกนานหรือไม่ ดังนั้น จึงอยากให้องค์กรการกีฬา หรือองค์กรต่างๆ อีกหลากหลาย ที่มีการจัดกิจกรรม จัดการแข่งขัน ก็อาจจะแบ่งรายได้ที่ได้ส่วนหนึ่งส่งไปช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ทั้งประชาชน ทั้งทหาร ส่วนตัวเองก็ได้ส่งมอบเงินส่วนตัวร่วมสมทบไปในคราวเดียวกันนี้ เพื่อให้กำลังใจของเราไปถึงพี่น้องแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

           นอกจากนี้พล.ต.ต.สุรินทร์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องของการเดินหน้าปลดล็อกนกกรงหัวจุกออกจากสัตว์ป้าคุ้มครองด้วยว่า ขณะนี้ท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและธรรมชาติฯ ก็เห็นด้วยในเรื่องนี้และมีเจตนาอันแน่วแน่ที่จะปลดล็อคให้ได้ จึงได้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติมหลังจากมีผู้หมดวาระไปและว่างลง ซึ่งจริงๆแล้วการปลดล็อกนกกรงหัวจุกนั้นเป็นความต้องการของประชาชนเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือเราส่งนกกรงหัวจุกไปขายยังประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ต้องยอมรับว่าไปแบบไม่ถูกต้อง ตนเคยอภิปรายในสภาฯ หลายครั้งในทุกๆรัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาลนายเศรษฐา  ทวีสิน จนมาถึงรัฐบาลชุดนี้ภายใต้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งปัจจุบันโชคดีว่ารัฐมนตรีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมฯ ก็เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์และเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงซึ่งท่านรู้ปัญหาอยู่แล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าอีกประมาณ 3-4 เดือนก็น่าจะเรียบร้อยเพราะเราเดินหน้าปลดล็อคแล้วแต่ยังเหลือกระบวนการที่ต้องทำอีก 8 ขั้นตอน                     นายปรีชา  สุขเกษม ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เปิดเผยว่า จากการประชุมล่าสุดของบอร์ดสัตว์ป่าฯ ครั้งที่ผ่านมานั้นเห็นด้วยว่าให้เดินหน้าปลดล็อก “นกกรงหัวจุก” ออกจากสัตว์ป่าคุ้มครองฯ เนื่องจากที่ประชุมมองว่าการปลดล็อกนั้นจะช่วยสร้างประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจให้กับประชาชนและลดการล่านกป่าได้จึงเป็นเหตุผลหลักที่นำมาประกอบในการพิจารณา ซึ่งเราได้พิจารณาจากการถอดบทเรียนมาจากสัตว์ทุกชนิดที่ผ่านการปลดล็อกที่ผ่านมานั้นประชากรสัตว์ชนิดมีการขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพาะเลี้ยงเทคโนโลยีไปไกลมากแล้ว นกกรงหัวจุกก็เช่นกันที่สามารถเพาะเลี้ยงได้เหมือนสัตว์ปีกทั่วไป และสิ่งที่นักวิชาการห่วงใยคือเรื่องของการเกิดเลือดชิดและยีนส์ด้อย ซึ่งเราสามารถบริหารจัดการได้ ขณะนี้ประตูบานแรกเปิดแล้ว หลังจากนี้เหลืออีก 8 ขั้นตอนซึ่งเป็นเรื่องของการหามาตรการรองรับหากมีการปลดล็อกเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงให้มากที่สุด คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนก็จะมีความคืบหน้าขอให้พี่น้องชาวนกวางใจว่าขณะนี้การดำเนินการปลดล็อกเดินหน้าแล้วในทุกๆ วัน และทุกภาคส่วนพร้อมขับเคลื่อนให้เกิดผลสำเร็จอย่างแน่นอน

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=99649

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us