พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การวิจัยและพัฒนากัญชาทางการแพทย์ ระหว่าง Cannama International , Thaksin University and TAR UMT
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงและความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนากัญชาทางการแพทย์ ระหว่าง บริษัทคานนามา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับ มหาวิทยาลัยทักษิณ (ประเทศไทย) และ Tunku Abdul Rahman University of Management & Technology (ประเทศมาเลเซีย) โดยมีนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมชาย สุดสวาท รองผู้กำกับ สภ.ทุ่งตำเสา ภญ.อัจฉรียา ฟองศรี เภสัชกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สนง.สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ดร.สมัคร แก้วสุกแสง รองอธิการบดี ม.ทักษิณสงขลา Prof. Dato Indera Ir Dr. Lee Sze Wei อธิการบดีมหาวิทยาลัย Tunku Abdul Rahman University of Management and Technology ดาโต๊ะ วินเซนต์ ฮาว บริษัทคานนามา อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด และคุณทรงเมท สังข์น้อย ผอ.กลุ่มวิจัยกัญชากัญชงและกระท่อม และ นางสาวนฤมล ขวัญแก้ว กรรมการบริหารบริษัท คานามาอินเตอร์เนชั่น และแขกผู้มีเกียรติจากทั้ง 2 หน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมดุสิตา ชั้น 8 โรงแรม นิวซีซั่น สแควร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ในลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งประวัติศาสตร์นี้ ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียได้ทำการร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อพัฒนางานวิจัยทางด้านกัญชาเพื่อการแพทย์ โดยการร่วมมือในครั้งนี้เป็นการจับมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยทักษิณ (ประเทศไทย) มหาวิทยาลัย TAR (ประเทศมาเลเซีย) และบริษัทเอกชนชั้นนำด้านกัญชาเพื่อการแพทย์ อย่าง Cannama International นับเป็นครั้งแรกที่มีความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างมหาวิทยาลัยและบริษัทเอกชน สำหรับ บริษัทคานนามา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีชื่อเสียงด้านความเชี่ยวชาญในการเพาะปลูกและวิจัยกัญชาทางการแพทย์ระดับโลก ด้วยเทคนิคการเพาะปลูกขั้นสูงและการจัดการคุณภาพที่เข้มงวดช่วยให้ Cannama International สามารถเพิ่มมูลค่าทางการรักษาทางการแพทย์ให้กับกัญชาได้ โดยมุ่งนำเสนอแนวทางการป้องกัน แก้ปัญหาที่สามารถปรับใช้งานได้จริงและปลอดภัยให้กับอุตสาหกรรมการแพทย์ทั่วโลก การร่วมมือกันครั้งนี้ Cannama International ให้การสนับสนุนในด้านความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและกระบวนการเฉพาะด้านในการเพาะปลูกและสกัดสารต่างๆ เพื่อผลักดันการใช้กัญชาทางการแพทย์ให้มีความก้าวหน้าและสามารถใช้งานได้ในหลากหลายสาขาการรักษา โดยมีเป้าหมายสำคัญดังนี้ :
- พัฒนานวัตกรรมการรักษาอย่างล้ำสมัย: ประยุกต์ใช้งานเพื่อบรรเทาอาการมะเร็ง ความผิดปกติทางระบบประสาท และจัดการกับความเจ็บปวดเรื้อรัง
- ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม: สนับสนุนการกำหนดมาตราฐานการผลิตและการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ในระดับนานาชาติ
- ส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์: เตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั้งในสถาบันและอุตสาหกรรมเพื่อให้มีทักษะอย่างเพียงพอและปฏิบัติในสถานการจริงได้
อย่างที่ทราบกันในปัจจุบัน สารสกัดจากกัญชา และกัญชงนั้นมีประโยชน์ใน การบํารุงผิวในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยต่อต้านการอักเสบของผิว การ ปกป้องผิวจากรังสียูวี ช่วยลดการเกิดสิว ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดํา เนื่องจากในกัญชงมีสารที่ชื่อว่า Cannabidiol หรือ CBD ซึ่งเป็นสารที่ช่วย ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการผลิตของ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ ก่อให้เกิดเมลานิน ตัวการสําคัญของความหมองคล้ํา นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วย ทําให้ผิวแข็งแรงขึ้น จึงไม่แปลกที่เดี๋ยวนี้กัญชงและกัญชากลายมาส่วนผสม ตัวท็อปในวงการความงาม ซึ่งข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตเครื่องสําอางไทยในปี 2564 บ่งชี้ว่า กัญชงและกัญชาในอุตสาหกรรมเครื่องสําอางมากกว่าครึ่งเป็น มูลค่าของตลาดในต่างประเทศ และสําหรับในต่างประเทศเองนั้น เครื่องสําอางไทยก็ได้รับความ นิยมอย่างมากในกลุ่มประเทศอาเซียน ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และออสเตรเลีย ส่งผลให้ประเทศไทยส่งออกเครื่องสําอางเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนและอันดับ 10 ของโลก นี่หมายความว่าเราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ความงามใหม่ๆ จากกัญชาและกัญชงมาให้เราได้ทําความรู้จักกันมากขึ้น
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=94096