กรมส่งเสริมการเกษตรและ ศอ.บต เสนอผลงาน “วิสาหกิจชุมชนอำเภอสะบ้าย้อย ยกระดับกาแฟโรบัสต้า แก้จนคนชายแดนใต้อย่างยั่งยืน”
กรมส่งเสริมการเกษตรและ ศอ.บต เสนอผลงาน “วิสาหกิจชุมชนอำเภอสะบ้าย้อย ยกระดับกาแฟโรบัสต้า แก้จนคนชายแดนใต้อย่างยั่งยืน”จังหวัดสงขลา ในการตรวจประเมินขั้นตอนที่ 2 ลุ้นรางวัล“ดีเด่น”รางวัลเลิศรัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนประเภทร่วมใจแก้จน ประจำปี พ.ศ. 2566
กรมส่งเสริมการเกษตร โดยนายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวสรุปภาพรวมการดำเนินงานของผลงานที่เข้ารับการตรวจประเมินรางวัลเลิศรัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมประเภทร่วมใจแก้จน ประจำปี พ.ศ. 2566 ขั้นตอนที่ 2 การตรวจประเมิน ณ พื้นที่ปฏิบัติงาน โดยคณะกรรมการฯ จากสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) เพื่อคัดเลือกผลงานในระดับดีเด่น ในผลงาน “วิสาหกิจชุมชนอำเภอสะบ้าย้อย ยกระดับกาแฟโรบัสต้า แก้จนคนชายแดนใต้อย่างยั่งยืน” จังหวัดสงขลา ถ่ายทอดสัญญาณผ่านระบบออนไลน์Application Zoom Cloud Meeting ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรอำเภอสะบ้าย้อยอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นผลงานที่ผ่านการตรวจประเมินจากเอกสารในขั้นตอนที่ 1 อยู่ในระดับดีมาแล้ว นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ผลงาน “วิสาหกิจชุมชนอำเภอสะบ้าย้อย ยกระดับกาแฟโรบัสต้า แก้จนคนชายแดนใต้อย่างยั่งยืน” จังหวัดสงขลา เกิดจากการร่วมมือและบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกรมส่งเสริมการเกษตรโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลา โดยมีสำนักงานเกษตรอำเภอสะบ้าย้อย เป็นหน่วยงานหลักของกรมส่งเสริมการเกษตรในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในพื้นที่ จุดเริ่มต้นของการดำเนินงานเริ่มมาจากปัญหาราคายางพาราตกต่ำซึ่งยางพาราถือเป็นพืชหลักและพืชสร้างรายได้หลักของเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เมื่อราคายางพาราตกต่ำจึงส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรโดยตรง ในส่วนของอำเภอสะบ้าย้อย เกษตรกรในพื้นที่มีการปลูกกาแฟเป็นพืชแซมในสวนยาง ทั้งนี้เนื่องมาจากกาแฟเป็นพืชอัตลักษณ์ของอำเภอสะบ้าย้อย เป็นแหล่งกำเนิดกาแฟโรบัสต้าต้นแรกของประเทศไทย แต่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโรบัสต้าขาดองค์ความรู้ด้านการผลิตกาแฟให้มีคุณภาพ ขาดความเอาใจใส่ในการดูแลกาแฟและขาดการจัดการสวนกาแฟที่ดี เช่น การใส่ปุ๋ย การป้องกันโรคและแมลงศัตรู การตัดแต่งกิ่ง การเก็บเกี่ยวการตากแห้ง การสีกาแฟเพื่อให้ได้กาแฟที่มีกลิ่นไม่เจือปนกับกลิ่นอื่น ๆ ส่งผลให้เกษตรกรจำเป็นต้องขายกาแฟในราคาที่ถูกกว่าราคาตามท้องตลาดทั่วไป เพราะผู้รับซื้อในพื้นที่เลือกซื้อเฉพาะแปลงที่ผลผลิตที่มีคุณภาพ จากปัญหาดังกล่าว ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาโดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและเครือข่ายภายใต้แนวคิด เปลี่ยนแนวทางการทำเกษตรกรรมจากเดิมที่เป็น “เกษตรเชิงเดี่ยว” ให้เป็น “เกษตรผสมผสาน” เพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ลดการพึ่งพารายได้จากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว เตรียมความพร้อมให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยกระดับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสตาชั้นเยี่ยม สร้างความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อมโยงการทำงานของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยี ผ่านการศึกษาวิจัยต่อยอดและขยายผล พร้อมติดตามประเมินผล เพื่อให้เกิดการประกอบอาชีพที่มั่นคงและพ้นขีดความยากจนของคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ และฝ่ายธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน บริษัทปตท.น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาการปลูกการผลิตกาแฟโรบัสต้า ให้ครอบคลุมกระบวนการการทำงานตั้งแต่ ต้นน้ำ ด้วยการส่งเสริมองค์ความรู้การปลูกกาแฟ การสนับสนุนพันธ์กาแฟ และการขยายพื้นที่การปลูกพืชแบบผสมผสาน กลางน้ำ ส่งเสริมสนับสนุนการแปรรูปกาแฟ การคั่วบดกาแฟให้มีคุณภาพและมาตรฐานตามความต้องการของตลาด ปลายน้ำ ด้วยการส่งเสริมการพัฒนาสูตรกาแฟรสชาติต่างๆ โดยผสมผสานระหว่างกาแฟโรบัสต้าสะบ้าย้อยกับผลไม้อัตลักษณ์ประจำถิ่นสะบ้าย้อย ให้สามารถสร้างอัตลักษณ์กาแฟโรบัสต้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้มีตลาดรองรับที่แน่นอนและมั่นคง ภายใต้ระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ในส่วนของกรมส่งเสริมการเกษตรโดยสำนักงานเกษตรอำเภอสะบ้าย้อย ทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในพื้นที่ ภายใต้แนวคิดการส่งเสริมผ่านกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดและขยายผล ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นการแก้ไขจุดอ่อนและเสริมจุดแข็งให้เอื้อต่อการพัฒนาภาคการเกษตรในระยะยาว และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านกลไกการทำงานส่งเสริมเกษตรเชิงพื้นที่ได้แก่ การทำงานเป็นทีม ใช้กลไกตามระบบส่งเสริมการเกษตร และการบรูณาการหน่วยงานภาครัฐและเอกชน วางแผนการวิเคราะห์บริบทพื้นที่ คน สินค้า เพื่อให้รู้ถึงศักยภาพตลอดจนการร่วมกันรับรู้ปัญหาและกำหนดแนวทางแก้ไข เน้นให้เกิดการบูรณาการส่งเสริมการเข้าร่วมกิจกรรมโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่
จากการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) และกรมส่งเสริมการเกษตร รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมบูรณาการการทำงาน ก่อเกิดเครือข่ายการผลิตกาแฟโรบัสต้าคุณภาพโดยการได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย(GAP) มีการจัดตั้งศูนย์รวบรวมผลผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสต้าระดับอำเภอ มีการสร้างเครือข่ายสมาชิกผู้ปลูกกาแฟในอำเภอสะบ้าย้อย และมีจุดรวบรวมในแต่ละตำบลปัจจุบันมีเครือข่ายผู้ปลูกกาแฟ จำนวน 436 ราย เกิดการสร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนจำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเชิงเกษตรตำบลบาโหย วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนตำบลเขาแดง และวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโหนด–เปียน เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวและสร้างรายได้สู่ชุมชน มีแปลงต้นแบบการผลิตกาแฟโรบัสต้าเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ดูงาน จำนวน 12 จุด เกิดการสร้างเครือข่ายร้านค้าภายในอำเภอและต่างจังหวัดเพื่อเป็นจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม
จะเห็นได้ว่ากาแฟโรบัสต้า พืชอัตลักษณ์สำคัญของอำเภอสะบ้าย้อย เป็นอีกหนึ่งพืชทางเลือกที่สามารถปลูกในพื้นที่ภาคใต้ และเหมาะที่จะปลูกเป็นพืชร่วมกับพืชอื่นได้ดี มีแนวโน้มความต้องการของตลาดสูง และมีศักยภาพที่สามารถยกระดับการพัฒนาเป็นกาแฟโรบัสต้าชั้นเยี่ยมตลอดจนสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้หลากหลาย เป็นโอกาสในการสร้างรายได้แก่เกษตรกร โดยมีวิสาหกิจชุมชนแปรรูปกาแฟอำเภอสะบ้าย้อย และวิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานคนรักบ้านเกิด (กาแฟดำถ้ำคอก) เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมกระบวนการสร้างความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกร การเพิ่มองค์ความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การเชื่อมโยงการผลิตและการตลาด สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และทำให้เกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น รวมทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=80579