ม.อ.ปัตตานี เปิดงาน ม.อ.วิชาการ 2568 “สืบต่อปณิธานสานประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์” เดินหน้าขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ม.อ.ปัตตานี เปิดงาน ม.อ.วิชาการ 2568 “สืบต่อปณิธานสานประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์” เดินหน้าขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดงาน “ม.อ.วิชาการ 2568” ภายใต้แนวคิด ม.อ.สืบต่อปณิธานสานประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์ : ขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมุ่งบูรณาการองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่พหุวัฒนธรรม ขณะเดียวกันยังเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความร่วมมือทางวิชาการในระดับนานาชาติ เชื่อมั่นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวหน้า เมื่อเช้าวันนี้ (3 กันยายน 2568) ณ หอประชุม ม.อ.ปัตตานี ชูเกียรติ ปิติเจริญกิจ ทุกคณะ หน่วยงานในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นำเสนอนวัตกรรมและผลงานวิชาการ ในงาน ม.อ.วิชาการ ประจำปี 2568 โดยมี นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิด และมอบรางวัลการประกวดอ่านข่าวในหัวข้อ “SDG News Reader : Voices for Change” พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี กล่าวรายงาน กิจกรรมประกอบด้วย การมอบรางวัลการประกวดอ่านข่าวในหัวข้อ “SDG News Reader : Voices for Change” การเสวนาเรื่อง Glocal Change makers : พลังคนรุ่นใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืน” การบรรยายพิเศษโดย หมอเน๋งนายสัตวแพทย์ ศรัณย์ นราประเสริฐกุล ในหัวข้อ From Passion to Planet : เติมแรงบันดาลใจเพื่อโลกที่ยั่งยืน การแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม การเสวนาด้านวิชาการการบรรยายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดแสดงนิทรรศการ การแข่งขันและการประกวดทักษะ ด้านวิชาการและสิ่งประดิษฐ์ การสาธิต และการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน
นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ประธานในพิธีเปิดงาน ม.อ.วิชาการ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ขับเคลื่อนการวิจัย และสร้างสรรค์นวัตกรรมในทุกสาขา ทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสหวิทยาการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยแนววิจัยขั้นแนวหน้า ที่มีบทบาทโดดเด่นทั้งในระดับประเทศและอาเซียน โดยมีพันธกิจสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การผลิตบัณฑิตคุณภาพที่มีจิตสาธารณะ การวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์พื้นที่และประเทศ การบริการวิชาการที่เข้าถึงประชาชน และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์และความหลากหลายของพื้นที่ภาคใต้
สำหรับวิทยาเขตปัตตานี มิได้จำกัดบทบาทเพียงการผลิตบัณฑิต แต่ยังมุ่งเป็น “ศูนย์กลางความรู้และการเปลี่ยนแปลง” ที่เชื่อมโยงองค์ความรู้กับปัญหาในพื้นที่ สร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่สอดรับกับความต้องการของสังคม และส่งต่อองค์ความรู้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ภายใต้ยุทธศาสตร์ “2 ลด 2 เพิ่ม” ได้แก่ ลดปัญหาความยากจนเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะระดับครัวเรือน ลดปัญหาสุขภาพแม่และเด็กที่ส่งผลต่อพัฒนาการประชากรในระยะยาว เพิ่มศักยภาพทางวัฒนธรรมด้วยความหลากหลายของไทย มลายู และจีนเป็นฐานการพัฒนา และเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจผ่านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้ถูกนำไปขับเคลื่อนผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่ และยังสามารถต่อยอดเป็นแบบอย่างให้กับการพัฒนาในภูมิภาคอื่นของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่าไม่ใช่เพียง “แหล่งผลิตบัณฑิต” แต่คือ “แหล่งสร้างความเปลี่ยนแปลง” ที่ยั่งยืนและจับต้องได้จริง
“คาดหวังงว่า ผลลัพธ์จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ คือ การสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมถึงความสำคัญของการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคส่วนต่างๆ ในสังคม และการสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวหน้า” นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวเพิ่มเติม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยเฉพาะวิทยาเขตปัตตานี ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ขุมพลังทางปัญญา” ของภาคใต้ตอนล่างและภูมิภาคอาเซียน ที่มุ่งนำทุนทรัพยากรและทุนทางวัฒนธรรมมาผนวกกับองค์ความรู้ทางวิชาการ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมอย่างยั่งยืน ดังนั้น บทบาทของวิทยาเขตปัตตานี ไม่ได้จำกัดเพียงการผลิตบัณฑิต แต่ยังมุ่งทำงานเชิงรุกในฐานะ “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม” โดยเน้นการบูรณาการงานวิจัยและนวัตกรรมกับการบริการวิชาการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับเศรษฐกิจฐานความรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ อันเป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และวิถีชีวิต ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สามารถพัฒนาเป็นทุนทางสังคมและวัฒนธรรมได้อย่างยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว กล่าวต่อไปว่า การจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาทุกคณะและส่วนงาน ร่วมนำเสนอผลงานและกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ อาทิ การแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม การเสวนาและบรรยายวิชาการ การประกวดทักษะและสิ่งประดิษฐ์ ค่ายเยาวชนสร้างสรรค์ การอบรมเชิงปฏิบัติการ การสาธิต และนิทรรศการองค์ความรู้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งและศักยภาพของวิทยาเขตปัตตานี ในการเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค ชาติ และนานาชาติ
“สิ่งที่ ม.อ.ปัตตานี มุ่งหวัง คือการก้าวข้ามการเป็นเพียงแหล่งความรู้เชิงวิชาการ ไปสู่การเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่และภูมิภาค เราพยายามสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกับภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงความร่วมมือกับนานาชาติ เพื่อสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและตอบโจทย์การพัฒนาในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมพหุวัฒนธรรม”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว กล่าวเพิ่มเติม
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=101482