“ร.ร.จริยธรรมศึกษามูลนิธิ” ยึดศาสนาเป็นฐาน ก้าวสู่สากล

“ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์พระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่าน”

โรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ หรือ ปอเนาะโคกยาง เป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งก่อตั้งโดยฮัจญี โส๊ะ ส่าเม๊าะ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 ปัจจุบันจัดการเรียนรู้ 2 ระดับ คือ ระดับปฐมวัย และระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ตั้งอยู่บ้านโคกยาง ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา

นายอับดุลสุโก ดินอะ รองประธานกรรมการบริหารโรงเรียน พูดถึงแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ ว่า ยึดแนวทางการจัดการศึกษาที่สามารถปรับให้ทันกับความเจริญ โดยใช้ศาสนาเป็นฐาน กล่าวคือ “ในโลกที่ไร้พรหมแดน ซึ่งมีการแข่งขันในเรื่องต่างๆ ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่น เศรษฐกิจ การเมือง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเรื่องอื่นๆ แทบทุกเรื่อง ถึงแม้ว่าระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมของมุสลิม (ปอเนาะ) จะมีลักษณะพิเศษหลายอย่าง ที่เมื่อประกอบเข้าด้วยกัน จะสามารถสร้างความเป็นเอกภาพ และสร้างเข้มแข็งให้กับชุมชนมุสลิมได้จากภายในชุมชนเอง ระบบการศึกษาแบบปอเนาะจึงเป็นเสมือนพลังที่ซ่อนเร้นของชุมชนมุสลิมตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา

แต่เมื่อวิวัฒนาการของโลกได้ทำให้บริบททางสังคมเปลี่ยนไปอย่างมาก ถ้าจะให้สามารถขับเคลื่อนมุสลิมต่อไป เพื่อให้ผ่านศตวรรษนี้และถัดๆ ไปได้อย่างราบรื่น จำเป็นที่ระบบการศึกษาแบบดังเดิมนี้จะต้องถูกปรับเปลี่ยนให้มีการเปิดกว้างมากขึ้น บูรณาการเข้ากับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี รวมทั้ง จะต้องใช้กระบวนการเรียนรู้สมัยใหม่มากขึ้น การขยายตัวและความนิยมในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่เห็นได้อย่างชัดเจนในเร็วๆ นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความหวังและความเชื่อมั่นของมุสลิมที่มีต่อระบบการศึกษาที่มีการบูรณาการศาสนาเข้าไปอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ เพื่อที่จะแก้ปัญหาทางด้านศีลธรรมที่รุนแรงและเรื้อรังอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรง แม้กระทั่งในสังคมมุสลิมที่ยึดมั่นในแนวคิดและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอย่างเหนียวแน่นก็ตาม และหวังว่าด้วยการจัดการศึกษาในแนวคิดนี้จะทำให้ก้าวสู่มาตรฐานคุณภาพการศึกษาระดับสากล

“ที่ผ่านมานักเรียนโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิมีผลงานทางวิชาการทั้งในระดับภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการอ่านคัมภีร์อัลกุรอานภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ นักเรียน ครู ตลอดจนผู้บริหารได้รับรางวัลพระราชทานในหลายปี ทั้งในปี พ.ศ.2544, 2545, 2551, 2553, 2556 และล่าสุด 2559 โดยสามารถต่อยอดการศึกษาทั้งสถาบันในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศกลุ่มอาเซียน อาหรับ ยุโรป และอเมริกา ที่สำคัญสามารถผลิตบุคลากรเป็นผู้นำศาสนาตามหมู่บ้านต่างๆ มาโดยตลอด” นายอับดุลสุโก เล่าถึงความภาคภูมิใจของโรงเรียนที่ผ่านมา

โรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ มี 4 แผนกหลักๆ 1. แผนกนานาชาติ (เน้นอาหรับ-  อังกฤษในการสื่อสาร) 2. แผนกสามัญ – กีตาบ (เน้นเรียนกีตาบแบบปอเนาะดั่งเดิม) 3. แผนกสามัญ  -ท่องจำอัลกุรอ่าน 4. แผนกธรรมดา (เรียนกีตาบ – สามัญตามปกติ) และนี่คือจุดเด่นของปอเนาะโคกยาง ที่ยังคงรักษาความเป็นปอเนาะ และผสมผสานกับความเป็นนานาชาติท่ามกลางทุ่งเขียวขจี

สำหรับประวัติโดยสังเขปของโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 148 (ถนนจะนะ –ปัตตานี) ม.8 ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นโรงเรียนในความอุปถัมภ์ของ “มูลนิธิอิสลามเพื่อการศึกษาโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ” เป็นนิติบุคคล ประเภทมาตรา 15 (1) สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2509 ได้จดทะเบียนเป็นปอเนาะบ้านโคกยาง (ตามใบอนุญาตที่ 79/2509) โดยโต๊ะครูหะยีโส๊ะ ส่าเม๊าะ เป็นเจ้าของ โดยสอนในระบบปอเนาะ วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2514 ได้จดทะเบียนเป็นโรงเรียนตามระเบียบของโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม (ตามใบอนุญาตที่ 79/2514) โดยโต๊ะครูหะยีโส๊ะ ส่าเม๊าะ เป็นเจ้าของผู้รับใบอนุญาต จัดตั้งโรงเรียน และนายสะกะรียา ส่าเม๊าะ เป็นครูใหญ่ โดยใช้หลักสูตรผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ (ระดับ 3, 4) และหลักสูตรอิสลามศึกษา และเมื่อ พ.ศ.2540 อนุญาตเพิ่มเติมหลักสูตรอิสลามศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2535 (ม.4 – ม.6) พ.ศ.2548 ขอขยายหลักสูตรระดับอนุบาล 1 – 3 และประถมศึกษา เปิดสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544

ปัจจุบันเปิดการจัดการเรียนรู้ 2 ระดับ คือ ระดับปฐมวัย กับระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา มีบุคลากร 90 คน นักเรียน 1,400 คน จากหลากหลายจังหวัดไม่ว่าจะเป็นจังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล 3 จังหวัดชายแดนใต้ โซนอันดามัน ภาคใต้ตอนบน และภาคกลาง ภายใต้การบริหารของท่านอซิซสาเมาะ ผู้รับใบอนุญาต/ผู้จัดการ

ทั้งนี้ โรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิยังจัดการศึกษาโดยใช้นโยบายบรม หรือ บ้าน โรงเรียน มัสยิด เพื่อนำไปสู่ปรัชญาที่ว่า “ยึดมั่นคุณธรรม ผู้นำวิชาการ ประสานชุมชน” ทำให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ความสามารถไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชน และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมพหุปัญญาได้อย่างสัมบูรณ์ต่อไป

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=17358