สงขลาปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
จังหวัดสงขลา จัดพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2562 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก บรรยากาศเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทุกคนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
วันนี้ (17 พ.ค. 62) ที่ เรือนจำกลางสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลานายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2562 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมี นางนิภา งามไตรไร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสงขลา หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ตลอดจนภาครัฐ ภาคเอกชน และญาติของผู้ต้องราชทัณฑ์ เข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทุกคนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั้งในพื้นที่จังหวัดสงขลา และทั่วประเทศ พร้อมขอให้ทุกคนพึงระลึกไว้เสมอว่า พระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ เสมือนเป็นการให้โอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ขอให้ทุกคนตั้งมั่นเป็นคนดี มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นคนดีของสังคม นำวิชาความรู้ต่างๆ มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ประกอบอาชีพสุจริตเลี้ยงตนเอง และครอบครัว เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทางหนึ่งด้วย
ด้าน นางนิภา งามไตรไร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสงขลา กล่าวว่า เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่มีความประพฤติดี เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลเหล่านั้นได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ในโอกาสนี้เรือนจำและทัณฑสถานในเขตพื้นที่จังหวัดสงขลา จึงได้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งมีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวตามมาตรา 6 ครั้งที่ 1 ในวันนี้ (17 พ.ค. 62) ประกอบด้วย เรือนจำกลางสงขลา จำนวน 134 คน, เรือนจำจังหวัดสงขลา จำนวน 61 คน, ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา จำนวน 6 คน และทัณฑสถานหญิงสงขลา จำนวน 42 คน รวมทั้งสิ้น 243 คน โดยก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ได้มีการอบรมเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัว ทั้งให้การศึกษา อบรมพัฒนาจิตใจ การฝึกทักษะอาชีพ การแนะแนวทางการประกอบอาชีพ เพื่อให้ผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวให้กลับไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอกได้อย่างปกติสุข มีอาชีพสุจริต ไม่เป็นภาระของสังคม และไม่กระทำผิดซ้ำอีก นอกจากนี้ยังได้ปฏิญาณตน ว่าจะจงรักภักดีต่อชาติ พระมหากษัตริย์ และจะเป็นคนดีของสังคม มีความซื่อสัตย์สุจริต จากนั้นได้ส่งตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ถูกปล่อยตัวส่งมอบให้กับญาติ ๆ ที่มารอรับที่ด้านนอกเรือนจำกลางจังหวัดสงขลา ซึ่งทุกคนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ในโอกาสอันเป็นมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก นี้
ด้าน นายเอ นามสมมุติ อายุ 40 ปี ผู้ต้องราชทัณฑ์คดียาเสพติด ซึ่งถูกคุมขังเป็นระยะเวลา 10 ปี และได้รับการพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ กล่าวถึงความรู้สึกว่า ตนเองรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้มีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น หลังจากออกจากเรือนจำแล้วจะตั้งหน้าตั้งตาเป็นคนดี ประกอบอาชีพสุจริต พร้อมฝากถึงทุกคนอย่าหลงผิดให้ตั้งมั่นอยู่ในความดี
ขณะที่ นางบี นามสมมุติ ญาติของผู้ต้องราชทัณฑ์ที่มารอรับในครั้งนี้ กล่าวด้วยน้ำตาว่า ตนเองดีใจเป็นอย่างมากเนื่องจากรอคอยวันที่พ่อออกจากเรือนจำมานานถึง 9 ปี ถือเป็นบุญของตัวเอง และครอบครัว ที่ได้รับพระเมตตาจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ ที่ได้พระราชทานอภัยโทษให้กับพ่อของตน หลังจากนี้ไปทุกคนในครอบครัวพร้อมที่จะดูแลพ่อให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ ก่อนพิธีปล่อยตัวได้มีการมอบใบสุทธิ แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคน เพื่อเป็นหลักฐานในการปล่อยตัวเรียกว่า “ใบบริสุทธิ์” ซึ่งถือเป็นหนังสือสำคัญทางกฎหมายที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้รับการปล่อยตัวอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ข่าว-สุธิดา พฤกษ์อุดม / สวท.สงขลา
ภาพ-โปรดปราน บุญธรรม / KTSLive รายงาน 17 พ.ค. 62
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=41821