สงขลาระดมความคิด แก้วิกฤตโควิด -19 หลังเกิดคลัสเตอร์โรงงาน ยอดแพร่ระบาดพุ่ง
จังหวัดสงขลาเปิดเวที รวมมิตร พิชิตโควิด “สู้ไปด้วยกัน ชนะไปด้วยกัน” ร่วมหารือและระดมความคิดเห็นในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด -19
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.64 ที่อาคารศรีเกียรติพัฒน์ อบจ.สงขลา เมื่อเวลา 15.30 น นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมรองผู้ว่าทั้ง3 คน ได้เปิดเวทีรวมมิตร พิชิตโควิด “สู้ไปด้วยกัน ชนะไปด้วยกัน” ร่วมหารือและระดมความคิดเห็นในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด -19 ร่วมรับฟังข้อมูลจาก 8 ส.ส.สงขลา รวมทั้งภาคเอกชน ประกอบด้วยสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจ สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวสงขลาสมาคมโรงแรมสงขลา–หาดใหญ่ หอการค้าจังหวัดสงขลา สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสงขลา สภาอุตสาหกรรมสงขลา สมาคมเอสเอ็มอี จ.สงขลา YEC จังหวัดสงขลารองเจ้าคณะจังหวัดสงขลาและ และผู้นำศาสนาอิสลามสงขลา นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดสงขลาระลอกใหม่ว่าทาง ศบค.ได้มีการประกาศให้เพิ่มจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่สีแดงเข้มงวด ดังนั้นจะต้องหารือกับหลายฝ่ายเพื่อปรับมาตรการบางมาตรการให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดในส่วนของการล็อคดาวต้องรอมติจากส่วนกลางอีกครั้ง
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดสงขลาจึงได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม และหากโรงพยาบาลสนามใดที่ขยายพื้นที่ได้ก็จะทำการขยาย โรงงานที่มีพนักงานมากกว่า 200 คน มีประมาณ 1180 กว่าโรง โรงงานส่วนตั้งอยู่ในชุมชน เมื่อเกิดการระบาดทำให้แพร่ระบาดไปในชุมชนอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องมีระบบการจัดการหลัก คือ ต้องมีการกักตัว กรณีคลัสเตอร์จากมัรกัสยะลา จังหวัดสงขลาได้ติดตามตัวผู้ที่ติดเชื้อได้แล้วแต่การระบาดก็ได้แพร่ออกไป จึงต้องติดตามกลุ่มเสี่ยง
ในส่วนของโรงงานได้มีคำสั่งให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด และจัดให้มีสถานที่กักตัวหรือที่พักของพนักงาน ได้กำชับให้โรงงานเข้มงวด หลักๆ คือทำอย่างไรให้มีการควบคุมไม่ให้เชื้อติดพนักงานเข้าไปในโรงงาน ยึดหลักต้องไม่ผลักภาระให้สังคม นายแพทย์อนุรักษ์ สารภาพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวถึงประเด็นการบริหารจัดการวัคซีน ขณะนี้ประชาชนในจังหวัดสงขลาฉีดแล้วประมาณ86,000 คนประมาณ 10 เปอร์เซ็นของประชาชนที่ลงทะเบียนประสงค์ฉีดวัคซีนประมาณ8 แสนคน ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้เปิดให้มีการลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีนแบบออฟไลน์ ผ่านแอปปริเคชั่นสงขลาวัคซีน และได้ขอรับวัคซีนเพิ่มไปยังกระทรวงสาธารณสุขอีก 1 แสนโดส
ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส. เขต 4 สงขลา เปิดเผยว่า วันนี้โชคดีทีได้มารับฟังปัญหาต่างๆทีเกิดขึ้นเพื่อที่จะได้รับทราบปัญหา และจะได้นำไปเสนอต่อรัฐบาลต่อไป
ด้าน นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.เขต5 สงขลา กล่าว่า วันนี้เรามาวิเคราะห์หาช่องว่างที่จะให้ ส.ส.สงขลามาช่วยเสริมแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด เราใช้งบส่วนกลางและเงินกู้แก้โควิด รัฐไม่มีปัญหาในการจัดซื้อวัคซีนเลย แต่ไม่เห็นด้วยที่ อปท.จัดซื้อวัคซีนเอง เนื่องจาก อปท.ต้องนำงบมาแก้ปัญหาพื้นฐานของท้องถิ่นที่กำลังรอการพัฒนาอยู่อีกมาก และส.ส.ทุกคนต้องช่วยกันจัดหาโควต้าวัคซีนโควิด -19 ให้ประชาชนชาวสงขลาโดยเร่งด่วน
ด้านนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา อีกท่านกล่าวว่า รัฐบาลกำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั้งประเทศครบ70% รวมทั้งจังหวัดสงขลาในเดือนกันยายน ให้ผู้ว่าฯสงขลา ทำหนังสือด่วนถึง ศบค.กลาง จัดสรรวัคซีนให้กับประชาชน ทางด้าน นายสุรพล กัมพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า ถ้าไม่มีวัคซีนฉีดให้ประชาชนเราไม่ต้องพูดถึงการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวการฟื้นเศรษฐกิจ
ในขณะที่นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่สงขลา กล่าวว่า ทางจังหวัดมาติดต่อสอบถามว่ามีโรงแรมไหน สนใจเป็นสถานกักตัวกลุ่มเสี่ยงบ้าง แต่เรื่องเรื่องก็เงียบหายไป ไม่มีความชัดเจนเรื่องอะไรเลย แค่มาสอบถามเฉยๆ
ส่วนประธานหอการค้า กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับ อปท.และเอกชนจัดซื้อวัคซีนเองจะเกิดความไม่เท่าเทียมในพื้นที่ บางเทศบาลมีเงินเยอะ บางเทศบาลไม่มีเงิน เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนให้บริการประชาชน และไม่เห็นด้วยกับมาตราการปิดแคมป์คนงานอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ส่งผลต่อภาคการผลิต อาจกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม
นายวรณัฏฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่าสงขลากำลังอยู่ในสมรภูมิพิบัติโควิด วันจันทร์ 28 มิ.ย.นี้เราใช้มาตรการเข้มงวดสูงสุด พร้อมยอมรับการประชาสัมพันธ์ของจังหวัดที่ไม่เข้าถึงประชาชนให้ตรงเป้าหมาย เนื่องจากเราเป็นรูปแบบราชการ พร้อมยกระดับการประชาสัมพันธ์ของจังหวัด ด้วยการดึงสื่อภายนอก เพจต่างๆ และกลุ่มที่คิดต่างมาเป็นที่ปรึกษาการประชาสัมพันธ์จังหวัดทันที
ด้านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกล่าวว่า เราเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้2,000 เตียง ใช้เวลา 2-3 วันเต็มทุก โรงพยาบาลสนาม การกังวลของประชาชนที่เปิดโรงแรมเป็นสถานกักตัวกลุ่มเสี่ยงในตัวเมืองหาดใหญ่ เรื่องนี้ไม่มีความเสี่ยงกับประชาชนเพราะมีการเข้าไปควบคุมบำบัดของเสียของโรงแรม เหมือนโรงพยาบาลในเมืองหาดใหญ่มี 6 โรงพยาบาล ที่ไม่มีประชาชนต่อต้าน เพราะเชื้อไม่ออกมาสู่ภายนอกยกตัวอย่างที่บ้านด่านนอก ชาวบ้านไม่มีการต่อต้านเลย
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=66560