สถานการณ์หมอกควันในสงขลา เกินค่ามาตรฐานอีกครั้ง แนะ ปชช. สวมหน้ากากอนามัย ป้องกันสุขภาพ
สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดสงขลา กลับมาเกินค่ามาตรฐานอีกครั้ง ขอให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันสุขภาพและประชาชนกลุ่มเสี่ยงควรเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที
สถานการณ์หมอกควันจากประเทศอินโดนีเซียที่พัดปกคลุมในพื้นที่จังหวัดสงขลาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง คุณภาพอากาศกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศพื้นที่บริเวณตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาในวันที่ 24 กันยายน 2562 (เวลา 09.00 น.) พบว่ามีปริมาณฝุ่นละออง โดยค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีค่าเท่ากับ 69 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และปริมาณฝุ่นละอองขนาด 10 ไมครอน (PM 10) เท่ากับ 80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
ในระยะนี้ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเมื่อออกจากบ้าน ลดกิจกรรมกลางแจ้ง ดื่มน้ำในปริมาณมาก ใช้น้ำเกลือกลั้วคอป้องกันเจ็บคอและควรปิดประตู หน้าต่างไม่ให้ฝุ่นเข้า ส่วนประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะเด็กเล็ก คนชรา หญิงมีครรภ์และผู้ป่วยโรคตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคผิวหนังอักเสบและโรคระบบทางเดินหายใจ ต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในปริมาณที่สูงเกินค่ามาตรฐาน แต่หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัย สวมแว่นตาและเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันฝุ่น
พร้อมทั้งเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์หมอกควันจากไฟไหม้ป่าที่ประเทศอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิดต่อไปต่อไป เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้หมอกควันพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่องและคุณภาพอากาศก็ยังขึ้นๆ ลงๆ ตามความเข้มข้นของปริมาณหมอกควัน และสามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์หมอกควัน ได้ทางเว็บไซต์สำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาคที่ 16 จังหวัดสงขลา หรือ ที่เว็ปไซต์กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ http://air4thai.pcd.go.th หากเจ็บป่วยฉุกเฉิน/อุบัติเหตุฉุกเฉินสามารถโทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์นเรนทร สงขลา โทรสายด่วน 1669 บริการฟรี 24 ชั่วโมง
ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.สงขลา
24 ก.ย. 62
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=46581