อีกหนึ่งมุมมอง!!สนามเลือตั้ง อบจ.สงขลา ลงชิงเก้าอี้นายกฯ!!ตรึม แต่เงียบ…ด้านชิง สจ.กระแสเก็บรายชื่อ เขตนาหม่อม,เขต7 หาดใหญ่ !!กระหึ่ม
อีกหนึ่งมุมมอง!!สนามเลือตั้ง อบจ.สงขลา ลงชิงเก้าอี้นายกฯ!!ตรึม แต่เงียบ…ด้านชิง สจ.กระแสเก็บรายชื่อ เขตนาหม่อม,เขต7 หาดใหญ่ !!กระหึ่ม
ในการเลือกตั้งนายกฯและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา(ส.อบจ.)ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยสนามชิงเก้าอี้นายกฯมองภาพรวมดูเหมือนว่า จะแข่งขันกันดุเดือดหากส่องจากจำนวนผู้สมัครที่มีถึง 9 คน มากเป็นประวัติการณ์ แต่หากลงไปติดตามคลุกคลีในสนามแข่งขันชิงเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา หนนี้จริงๆ จะเข้าใจได้ว่า เลือกตั้งชิงเก้าอี้นายกฯหนนี้ลุ้นยาก ชนิดเข็นครกขึ้นภูเขาก็ว่าได้ “สีฟ้า” ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ยอมรับว่าสีฟ้า แต่คนหนุนรอบกายมาจากสีฟ้า ในขณะที่สีน้ำเงิน และสีส้มมีความชัดเจนอยู่ในตัวเอง ถ้าเปรียบเสมือนวัวชนหรือไก่ชน ราคาน่าจะต่อรองกันอยู่พอสมควรและตัวต่อก็เป็นต่อตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งนั้นและทั้งนี้ใช่ว่าจะปิดฝาโลงเสียเลยทีเดียว เพราะวันชี้ขาดยังมาไม่ถึง อะไรก็เกิดขึ้นได้ในสนามเลือกตั้ง แต่คาดว่าผู้สมัครเพียง 2-3 คนเท่านั้นจาก 9 คนที่พอมีลุ้น ส่วนที่เหลือก็คงได้แค่สีสันในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลาหนนี้ คงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วค่อยว่ากันใหม่ในสนามต่อไป หากยังมีไฟทางการเมืองเหลืออยู่
ในส่วนของสนามเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา(ส.อบจ.สงขลา) ที่มีอยู่ถึง 36 เขต และมีผู้สมัครชิงกันเป็นจำนวนมากในแต่ละเขตชิงกันถึง 4-5 คน ในบางเขตชิงกันถึง 6 คน คัดกรองเอาคนที่ได้คะแนนมากสุดเพียงคนเดียวคือผู้เข้าวิน ทำเอาผู้สมัคร สจ.ทั้งหน้าเก่า-หน้าใหม่ ต่างหายใจไม่ทั่วท้อง ยิ่งในบางเขตมีกระแสการเก็บรายชื่อชาวบ้าน แต่ไม่รู้เก็บไปไหน คนในพื้นที่เท่านั้นที่จะออกมาเผยความจริงได้ แต่ทว่าเป็นการซื้อสิทธิขายเสียงกันจริงก็คงไม่มีใครออกมายอมรับ เพราะจะโดนเลขท้ายไปด้วย มีความผิดทั้งคนซื้อและคนขาย เป็นอันว่าจบ “ใครละจะหาเรื่องใส่ตัว” กกต.จะทำอย่างไรก็ว่ากันไปตามบทบาทหน้าที่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย มันเป็นเรื่องเดิมๆที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งแทบทุกสนามแต่ก็จับมือใครดมไม่ได้สักที
เขตเลือกตั้งที่มีกระแสโหมหนักถึงการเก็บรายชื่อต้องยกให้เขตอำเภอนาหม่อม ที่มี “สจ.คม” หนึ่งผู้สมัคร ส.อบจ.ในเขตดังกล่าว ได้ออกมารณรงค์ในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นให้ชาวนาหม่อม ”กินแต่เหยื่อ อย่ากินเบ็ด“ แต่ถ้าไม่มีมูล ทาง สจ.คม แกคงไม่ปล้ำตัวออกมาปาวๆให้เหนื่อย เอาเวลาไปลุยเดินหาเสียงไม่ดีกว่าหรือ!!จะจริงหรือไม่จริงก็ว่ากันตามกระแส มากันที่เขต 7 ของอำเภอหาดใหญ่ ที่มีผู้สมัครชิงเก้าอี้ สจ.กันถึง 5 คน ขับรถตระเวณดูมาจากตลาดนัดเกาะหมี วนเข้าไปในพื้นที่บ้านน้ำน้อย ตำบลน้ำน้อย ออกมาตระเวณต่อไปสู่ตำบลท่าข้าม จนสุดพื้นที่เขตเลือกตั้งที่7 ของอำเภอหาดใหญ่ ปรากฏว่า มีป้ายหาเสียงของผู้สมัคร ส.อบจ.หรือ สจ.ในเขตนี้อยู่เพียง 3 ราย นั่นคือ ป้ายหาเสียงของ “อัทธ์“ นายอนลอัทธ์ พลธนนินท์ทัญ เบอร์1 จากพรรคประชาชน ป้ายหาเสียงของ “นายกธง” นายธสัณห์นนท์ เส้งนนท์กูล เบอร์ 2 ทีมสงขลาเข้มแข็ง และอีกหนึ่งรายป้ายของ “กอล์ฟ“ นายสิรดนัย พลายด้วง เบอร์ 5 ทีมสงขลาพลังใหม่ ส่วนผู้สมัครรายอื่นไม่มีป้ายหาเสียงให้ได้เห็นเลย จึงจำไม่ได้ว่ามีใครบ้าง เพียงรู้ว่ามีผู้ลงชิงถึง 5 คน ด้วยเหตุผลใดก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็แล้วกัน
สำหรับเขตนี้ก็มีกระแสเก็บรายชื่อให้ได้ยินกันหนาหู ไม่น้อยหน้าเขตอำเภอนาหม่อมเลย ส่วนบรรยากาศของการหาเสียงดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ามีป้ายหาเสียงผู้สมัคร ส.อบจ อยู่เพียง 3 ราย และปักไว้อย่างปละปลาย ให้พอประชาชนได้เห็นว่าคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร จะให้เดินหาเสียงชนิดเคาะประตูบ้าน เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา หาดูได้ยากในเขตนี้ ที่เห็นตัวตนอยู่บ้างในการเดินหาเสียงแบบบ้านๆก็มี“นายกธง” อดีตนายกเทศมนตรีตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่หนนี้เบนเข็มมาลงชิงเก้าอี้ สจ.ที่ได้เปรียบคู่แข่งอยู่ประการหนึ่งตรงที่เขาเป็นคนในพื้นที่ที่ชาวบ้านคุ้นชิน และเชื่อได้ว่าเขาไม่ซื้อเสียง เพราะไม่มีเงินถุงเงินถังที่จะมาหว่านในสนามเลือกตั้งอย่างแน่นอน มีแค่ความเป็นกันเองกับชาวบ้าน
ในขณะที่คู่แข่งอย่าง “กอล์ฟ” ลูกชายเถ้าแก่ถึก สส.เขต3 สงขลา ที่รอบนี้ปั้นไม้ปั้นมือส่งลูกชายให้ลงชิงเก้าอี้ สจ.หวังไว้สูงที่จะเข้าสู่สภา อบจ.สงขลาให้ได้ ว่ากันว่าให้ได้เข้าไปนั่งประธานสภาฯ มองข้ามช็อตพูดกันไปไกลถึงโน้น แต่นั่นเป็นเสียงที่ออกมาจากคนนอกที่พูดกัน เพียงหยิบยกมาเล่าสู่กันฟัง ถือว่ากระแสแรงจริงๆ และเป็นเพียงกระแสที่ออกมาไม่ใช่ข้อเท็จจริงแต่ประการใด ชาวเขต 7 หาดใหญ่เท่านั้นจะเป็นผู้ชี้ขาดในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568
ในส่วน “อัทธ์” อดีตผู้สมัคร สส.สงขลาในกาคเลือกตั้งสมัยที่ผ่านมา รอบนี้มาลงชิงเก้าอี้ สจ.เขต7 หาดใหญ่ น่าจะมั่นใจในฐานคะแนนเสียงของพรรคก้าวไกลในสมัยเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมา แม้วันนี้จะกลายมาเป็นพรรคประชาชน ก็ยังเชื่อมั่นในความเหนียวแน่นของคะแนนเสียงที่เป็นกลุ่มก้อนเฉพาะ การเลือกตั้งท้องถิ่นหนนี้จะเป็นบทพิสูจน์ของพรรคประชาชนในจังหวัดสงขลาอีกมิติหนึ่งก็ว่าได้
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=94038