“เกาะแต้วฟู๊ด” ขึ้นแท่นผู้นำตลาด! เปิดตัว “ไข่ไก่ไร้กรง” เจ้าแรกของสงขลา ยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่สากล
“เกาะแต้วฟู๊ด” ขึ้นแท่นผู้นำตลาด! เปิดตัว “ไข่ไก่ไร้กรง” เจ้าแรกของสงขลา ยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่สากล
วันนี้ (22 ตุลาคม 2568) ที่โรงแรมลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา จังหวัดสงขลา บริษัท เกาะแต้วฟู๊ด จำกัด ประกาศเปิดตัว “ไข่ไก่เลี้ยงแบบไม่ขังกรง (Cage-Free Eggs)” อย่างเป็นทางการ ถือเป็นรายแรกของจังหวัดสงขลา เดินหน้ายกระดับมาตรฐานการผลิตตามหลัก สวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) และสอดรับกับแนวโน้มการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก (ESG Trend) ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสัตวแพทย์อนิรุธ เนื่องแม็ก ปศุสัตว์เขต 9 เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐ ภาคเอกชน ให้ความสนใจ
นายสัตวแพทย์ อนิรุธ เนื่องแม็ก ปศุสัตว์เขต 9 กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านจากการเลี้ยงไก่ไข่ในกรงแบบดั้งเดิมสู่ระบบ “เลี้ยงไก่แบบไร้กรง” (Cage-Free) เป็นนโยบายที่กรมปศุสัตว์ผลักดันร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์และสอดคล้องกับแนวคิดสากลด้านสวัสดิภาพสัตว์
“การเลี้ยงแบบไร้กรงเปิดโอกาสให้ไก่แสดงพฤติกรรมธรรมชาติตามสัญชาตญาณ ช่วยลดความเครียด ส่งผลให้คุณภาพไข่ดีขึ้น” นายสัตวแพทย์อนิรุธ กล่าว
แม้ว่าการเลี้ยงแบบนี้จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากพื้นที่ที่ต้องกว้างขึ้นและจำนวนไก่ที่ลดลง แต่กลับเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกร เนื่องจากสามารถจำหน่ายได้ในราคาสูงขึ้นเฉลี่ย 7–9 บาทต่อฟอง จากเดิมเพียง 4–6 บาท
ตลาดไข่ไก่ Cage-Free กำลังเติบโตในกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ (Wellness Market) และภาคธุรกิจโรงแรม–อาหารระดับพรีเมียมที่ต้องการสินค้าผ่านมาตรฐาน Animal Welfare ซึ่งภาครัฐพร้อมสนับสนุนทั้งการฝึกอบรมและการรับรองมาตรฐานร่วมกับเอกชน โดยคาดว่าในช่วง 3–5 ปีข้างหน้า ระบบการผลิตแบบไร้กรงจะขยายตัวอย่างก้าวกระโดด จากแรงขับของเทรนด์สุขภาพและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย นาย พรชัย ศรีสุนทรไท รองผู้อำนวยการบริษัท คะคะลิสต์ จำกัด วิสาหกิจเพื่อสังคม กล่าวว่า แนวโน้มระดับโลก โดยเฉพาะในยุโรป (EU) ได้เริ่มผลักดัน Global Commitment เพื่อสนับสนุนระบบการเลี้ยงไก่แบบไร้กรงทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็อยู่ในสายตาของต่างชาติในการขับเคลื่อนเรื่องนี้
“ช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนผ่านในหลายพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยมุ่งเน้นเมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่ง ‘เกาะแต้วฟู๊ด’ ถือเป็นฟาร์มแห่งแรกในสงขลาที่กล้าก้าวสู่ระบบไร้กรง ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของภาคใต้” นายพรชัย กล่าว
เขาย้ำว่าปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ระบบนี้เติบโตได้จริง คือ ความเข้าใจของผู้บริโภค และการสร้างเครือข่ายระหว่างฟาร์ม ผู้ผลิต และภาคธุรกิจปลายน้ำ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนร่วมกัน
ขณะที่นาย ยศพงศ์ ถิระวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกาะแต้วฟู๊ด จำกัด เปิดเผยว่า เดิมบริษัทใช้ระบบเลี้ยงไก่ไข่แบบขังกรง ก่อนปรับเปลี่ยนสู่ระบบ “Cage-Free” หรือ “ไข่ไก่อารมณ์ดี” เพื่อตอบรับเทรนด์โลกและความต้องการจากลูกค้าหลักอย่าง บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ซึ่งมีนโยบายใช้ไข่ไก่ไร้กรง 100% ตามมาตรฐานของบริษัทแม่ในยุโรป
“แรงบันดาลใจสำคัญมาจากความเชื่อมั่นของโซเด็กซ์โซ่ที่สนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น และจากตลาดโมเดิร์นเทรดที่ต้องการไข่คุณภาพในพื้นที่เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและสร้างความมั่นคงทางอาหาร” นายยศพงศ์ กล่าว
ปัจจุบันเกาะแต้วฟู๊ดได้เริ่มดำเนินการระบบไร้กรงร่วมกับสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตทุ่งใหญ่ และมีแผนขยายความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา โดยตั้งเป้าการผลิตในไตรมาสแรกปี 2569 รวมประมาณ 17,000 ฟองต่อวัน (ราชภัฏ 5,000 ฟอง และฟาร์มเกาะแต้ว 12,000 ฟอง)
แม้ต้นทุนจะสูงกว่าระบบขังกรงเกือบสองเท่า แต่เกาะแต้วฟู๊ดได้นำแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) มาใช้ เช่น การผลิตพลังงานทดแทนจาก ไบโอแก๊ส และ โซลาร์รูฟท็อป เพื่อลดต้นทุนระยะยาวและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นางสาว จินดา สุขวนวัฒน์ ตัวแทนจาก บริษัท โซเด็กซ์โซ่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายผลักดันการใช้ไข่ไก่แบบ Cage-Free 100% ภายในปี 2568 (2025) เพื่อสอดคล้องกับนโยบายองค์กรระดับโลก
“ปัจจุบันเราใช้ไข่ไก่จากฟาร์มเกาะแต้ว 100% เฉลี่ยวันละ 7,500 ฟอง หรือราว 100,000 ฟองต่อเดือน เราพร้อมสนับสนุนด้านราคาและรับซื้อไข่ Cage-Free ตามกำลังการผลิต เพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกันในห่วงโซ่อาหาร” นางสาว จินดา กล่าว
โซเด็กซ์โซ่ยังยืนยันว่าจะทำงานร่วมกับเกาะแต้วฟู๊ดต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ฟาร์มในพื้นที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไข่ไก่ Cage-Free ให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การเปิดตัว “ไข่ไก่ไร้กรง” ครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทเกาะแต้วฟู๊ดในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตเท่านั้น แต่ยังเป็น หมุดหมายสำคัญของวงการปศุสัตว์ไทย ในการก้าวสู่การผลิตที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสัตว์ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ทั่วโลก
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=102901