เปิดสัมมนา รับฟังความคิดเห็นปลดล็อค”นกกรงหัวจุก” ส.ส.สงขลา ท้องถิ่น ประชาชนเห็นพ้องร่วมผลักดัน
เปิดสัมมนา รับฟังความคิดเห็นปลดล็อค“นกกรงหัวจุก” ส.ส.สงขลา ท้องถิ่น ประชาชนเห็นพ้องร่วมผลักดัน
วันนี้(30 ก.ย.66)ที่ศาลาประชาคมอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ได้มีการเปิดเวทีสัมมนาพร้อมด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน สมาคม และผู้ที่สนใจในการเลี้ยงนกกรงหัวจุกในภาคใต้ เพื่อการขับเคลื่อนในการปลดล็อคนกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุก ออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานในการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ พร้อมด้วยตัวแทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมในการสัมมนาในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส. สงขลา เขต 8 นายสมยศ พลายด้วง ส.ส. สงขลา เขต3 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส. สงขลา เขต4 นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา นางสาวปรินดา ปาลาเร่ รองนายก อบจ.สงขลา นายกฤชณัทท พลรัตน์ นายอำเภอจะนะ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชน สมาคม และประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยสืบเนื่องมาจากทางสมาคมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกจังหวัดสงขลาได้ยื่นหนังสือถึงพล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.เขต 8 สงขลา โดยอ้างถึงปัจจุบัน ที่มีผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกจำนวนมาก และนกกรงหัวจุกกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ นอกจากจะมีการเพาะเลี้ยง ส่งขายทั้งในและต่างประเทศแล้ว แถมยังต่อยอดให้มีอาชีพที่เสริมสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่นับพันล้านบาทต่อปีอีกด้วย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ นกกรงหัวจุกยังเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกจับกุม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีความพยายามยื่นข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้กลุ่มอนุรักษ์ ต่างก็ยังคงคัดค้านการปลดล๊อคเนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลต่อระบบนิเวศน์ รวมถึงจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้มีการเรียกร้องให้ปลดล๊อคสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดอื่นๆอีกด้วย โดยวันนี้มีทั้งตัวแทนส่วนราชการ และตัวแทนผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งได้สะท้อนในเชิงเศรษฐกิจ รายได้ ที่เกิดจากการเลี้ยงนกกรงหัวจุก รวมถึงความต้องการนกกรงหัวจุกในตลาดที่มีราคาหลักพันถึงหลักล้านบาท นอกจากนั้นยังมีการเพาะเลี้ยงนกเป็นวงกว้าง ทำให้มีประชากรนกเพิ่มมากขึ้น จึงไม่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
สำหรับบรรยากาศของการสัมมนาในวันนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น และผู้เข้าร่วมต่างก็เห็นพ้องตรงกันที่จะให้มีการเดินหน้าปลดล็อคนกกรงหัวจุก ในขณะที่มีข้อคัดค้านของกลุ่มอนุรักษ์ ได้อ้างถึงจำนวนนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติลดน้อยลง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และหากปลดล๊อคก็จะทำให้มีการล่านกธรรมชาติเพิ่มขึ้นทั้งยังจะเป็นข้ออ้างให้ปลดล๊อคนกชนิดอื่นๆในอนาคต ท้ายที่สุดก็ต้องติดตามการผลักดันในเรื่องนี้กันต่อไป
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=82941