|

แกนนำ นศ. มรภ.สงขลา ดำเนินรอยตามในหลวง ร.10 ขอเป็นจิตอาสาแบ่งปันรอยยิ้ม ผู้ป่วย-คนชรา เรียนรู้การเป็นผู้ให้ ‘ทำความดี ด้วยหัวใจ’

34484446_1838737792849739_2125303032429150208_n

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ พระองค์มีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน และพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า หนึ่งในนั้นคือ โครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ร่วมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่สังคม

เมื่อเร็วๆ นี้ .ส.จุฑามาศ แก้วศรี นักวิชาการศึกษา และ นางไปยดา สุตระ นักแนะแนวการศึกษาและอาชีพ  กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) นำผู้นำนักศึกษาร่วม 100 คน ทำกิจกรรมจิตอาสาที่มูลนิธิจงฮั่วสงเคราะห์คนชราอนาถา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเยี่ยมเยียนผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อาคารเย็นศิระ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เพื่อสร้างความสุขสนุกสนานให้แก่คนกลุ่มดังกล่าว ซึ่งสิ่งที่ผู้นำนักศึกษาได้รับคือการเป็นผู้ให้และรู้จักแบ่งปันด้วยหัวใจ อันเป็นการดำเนินรอยตามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระองค์มีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงนำมาสู่การจัดทำโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อสืบสานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ต่างๆ บรรเทาความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน ทั้งยังบ่มเพาะให้นักศึกษาเป็นคนเป็นดี มีทักษะชีวิต และมีจิตสาธารณะ ตามอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย

34457159_1838737922849726_6667109215691079680_n

อนุวัช นุ่นดำ “เกม” นักศึกษาปี 3 โปรแกรมวิชาพลศึกษา นายกสโมสรนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มรภ.สงขลา กล่าวถึงความรู้สึกในการเข้าร่วมกิจกรรมว่า การเข้าเยี่ยมผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตของตน ก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้าไปในอาคารรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยผู้ป่วยมะเร็งและญาติของผู้ป่วย รวมไปถึงตัวของอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณวัด ยิ่งทำให้รู้สึกหดหู่ใจมากกว่าเดิม แต่เมื่อได้เข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยความรู้สึกก็เริ่มเปลี่ยน สิ่งที่พวกเขาต้องการคือกำลังใจและมีความสุขเมื่อมีคนเข้าไปเยี่ยม เข้าไปพูดคุย ซึ่งความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วย คือการได้เรียนรู้ว่าความทุกข์อันเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บนั้น สามารถบรรเทาได้ผ่านการให้กำลังใจและรอยยิ้ม ตนจึงบอกกับตัวเองว่าจงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แล้วความสุขจะเกิดกับตัวเราในทุกๆ วัน

ด้าน จักรกฤษ เลิศลับ ชะมด” นักศึกษาปี 4 โปรแกรมวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวบ้างว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นการช่วยเหลือสังคม พวกตนในฐานะองค์กรนักศึกษาล้วนทำด้วยความตั้งใจ ซึ่งการเป็นจิตอาสาถือเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นการสนองพระบรมราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ซึ่งการที่ตนได้เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาที่ มูลนิธิจงฮั่วสงเคราะห์คนชราอนาถา ทำให้รู้ว่ายังมีลูกหลานจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถดูแลพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยายของตนเองได้ จึงทำให้บุคคลเหล่านี้ต้องก้าวเข้ามาอยู่บ้านพักคนชรา

34445914_1838735792849939_2788589305990217728_n

“ผมมีโอกาสพูดคุยกับคุณยายคนหนึ่งท่านบอกกว่าอยู่ที่ก็สบายดี มีเพื่อนเยอะแยะ มีคนมาเยี่ยมบ่อย คนที่นี่ก็อายุเกิน 60 ปีแล้วทั้งนั้น บางคนมีโรคประจำตัวแต่ก็ต้องดูแลตัวเอง เพราะหากรอเจ้าหน้าที่ก็คงไม่สะดวกมากนัก คนที่แข็งแรงอยู่ก็ช่วยๆ กันดูแล ผมคิดว่าบางความรู้สึกของพวกท่านคงไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่อย่างน้อยการไปของพวกเราผู้นำนักศึกษาในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ทำให้พวกผมได้มอบสิ่งดีๆ ให้กับคุณตา คุณยาย ได้มีความสุข ผ่อนคลายไปกับจัดกิจกรรมสนุกๆ ที่พวกเราจัดขึ้นเพื่อให้พวกท่านได้รู้ว่าสังคมยังไม่ทอดทิ้ง” นายจักรกฤษ กล่าว      

ขณะที่ สมบูรณ์ เกตกอ “เป็ด” นักศึกษาปี 3 โปรแกรมวิชาดุริยางคศิลป นายกสโมสรคณะศิลปกรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตอนเข้าไปพบคุณตาคุณยายที่รอต้อนรับอยู่ตนรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเข้าหาพวกท่านอย่างไรดี แต่เอาเข้าจริงๆ ทุกท่านต่างให้การต้อนรับอย่างเต็มที่ ซึ่งจากพูดคุยกับคุณตาคุณยายทำให้ตนได้เรียนรู้หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ชีวิต พวกท่านไม่ได้เศร้ากับชีวิตที่เป็นอยู่ เนื่องจากมองว่าหากมัวแต่กังวลถึงเรื่องอดีตชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็เศร้าหมองกันพอดี ซึ่งเป็นข้อคิดที่ดีมาก ต้องขอบคุณคุณตาคุณยายและมหาวิทยาลัยมากที่จัดกิจกรรมดีๆ เช่นนี้ขึ้น

34596874_1789496634429800_8441438558757060608_n

ปิดท้ายด้วย ตะวัน บุญขวัญ “ฟอร์ด” นักศึกษาปี 3 โปรแกรมวิชาพลศึกษา นายกองค์นักศึกษาภาคปกติ กล่าวว่า ตนเข้าร่วมกิจกรรม ยาใจ…ผู้ป่วย ซึ่งเป็นการดูแลและให้กำลังใจผู้ป่วยโรคมะเร็ง หลังจากได้พูดคุย กับผู้ป่วยและญาติทำให้ตนรับรู้ว่ากำลังใจถือเป็นพลังบวกที่สำคัญที่สุด โดยผู้ป่วยแต่ละรายมีอาการหนักเบาไม่เท่ากัน บางคนไม่สามารถลุกจากเตียงได้ บางคนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง คือการดูแลเอาใจใส่ การให้กำลังใจอย่างใกล้ชิดจากครอบครัวหรือคนอื่นๆ

ตะวัน กล่าวอีกว่า เขาได้คุยกับป้าคนหนึ่งซึ่งเป็นแม่ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเนื้องอกในสมอง อาการหนักพอสมควร แต่ป้าก็ไม่ท้อถอย คอยดูแลลูกอย่างเต็มที่ และรอคอยอย่างมีหวังว่าลูกจะหาย สิ่งที่ทำได้ในขณะนั้นคือการให้กำลังใจ พูดคุยกับป้าและลูกของป้าเพื่อให้มีกำลังใจ มีความหวัง และสามารถยิ้มได้ ท่านให้ข้อคิดและบอกว่า “ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน วันนี้เรายังใช้ชีวิตแบบคนปกติ แต่ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเรากลับไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ทุกช่วงเวลาที่มีลมหายใจ ทุกก้าวของชีวิตมันมีค่ามากจริงๆ พยายามใช้มันให้เกิดคุณค่าต่อตัวเองและผู้อื่นมากที่สุดนะลูกนะ”

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมจิตอาสาในครั้งนี้ ทำให้ตนฉุกคิดได้ว่า ชีวิตของคนเราไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ ดังนั้น จึงต้องทำชีวิตให้มีคุณค่าที่สุด ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือคนอื่นๆ

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=31035

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us