|

ททท. ท้าเที่ยวข้ามภาค ปี 2 #รอไรไปดิ ตอน หลงเสน่ห์เมืองกรุง

1539398643806

เมื่อไม่นานมานี้ ได้รับเชิญจาก ททท.ฝ่ายภูมิภาคภาคเหนือ จัดกิจกรรม Media Farm Trip โครงการ “ท้าเที่ยวข้ามภาค ปี 2” เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยว Gen Y/ เยาวชน / ไลฟ์สไตล์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (ในใจ ณ ตอนนั้น กรุงเทพฯ หรอ จะมีอะไร นอกจาก ห้างฯ เมืองหลวงศิวิไลซ์ จะมีอะไรให้น่าสนใจ ให้น่าค้นหา) ดูจากโปรแกรมมีแต่วัดและพิพิธภัณฑ์ แต่ยังไงทุกที่ที่ไปคงมีอะไรให้น่าค้นหา #รอไรไปดิ

received_1966445786982195

เริ่มต้นวันแรก ออกจากสนามบินดอนเมือง เดินทางไปยังสถานที่แรก ที่ทาง ททท. จัดทริปให้พวกเรา “มิวเซียมสยาม” (Museum Siam) เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรก ที่สร้างความแปลกใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ มีการจัดแสดงเรื่องราวผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ทำให้ดูน่าสนใจและเข้าถึงกับผู้เข้าชม มีเทคนิคในการเล่าเรื่องพร้อมกับตั้งคำถามชวนสงสัยกลับมายังผู้เข้าชม เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “Play + Learn = เพลิน” ที่จะทำให้ทุกการเรียนรู้สนุกกว่าที่คิด มาที่นี่ ถ้าจะเที่ยวให้ครบทุกห้อง ต้องมีเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็น 2 ชั่วโมงที่ไม่รู้สึกเบื่อเลยจริงๆ

1539398468122

ช่วงบ่ายเราก็ไปกันต่อ เที่ยวย่านกุฎีจีน กรุงเทพฯ ย่านชุมชนเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ที่ทั้งสงบและสวยงาม แถมยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่อีกเพียบ หากจะพูดถึงชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ ที่ยังคงความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม ชุมชนกุฎีจีนบนฝั่งธนบุรีก็น่าจะเป็นชุมชนแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะชุมชนชาวไทยเชื้อสายโปตุเกสแห่งนี้ตั้งรกรากมานานตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินทรงก่อตั้งกรุงธนบุรี ภายหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2310 โดยถึงแม้จะผ่านกาลเวลามานานกว่า 200 ปี ชุมชนกุฎีจีนก็ยังโดดเด่นในเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่สงบสุขระหว่างชาวพุทธ ชาวคริสต์ และชาวอิสลาม รวมไปถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายของชาวไทย และพ่อค้าชาวจีนที่อยู่ในละแวกเดียวกัน

received_109789226593788

การเดินทางมาเที่ยวชุมชนกุฎีจีนก็ง่ายแสนง่าย เพียงใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาและขึ้นที่ท่าวัดกัลยาณมิตร จากนั้นก็เดินเท้าเข้าชุมชนฯ ใช้เวลาเพียงประมาณ 3 นาที ซึ่งระหว่างทางก็สามารถแวะชม วัดกัลยาณมิตร วัดเก่าแก่ที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต หรือที่คนไทยเชื้อสายจีนสักการบูชากันในนาม ซำปอกง และศาลเจ้าเกียนอันเกง ศาลเจ้าแม่กวนอิมเก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในฝั่งธนบุรีก็ได้เช่นกัน ส่วน วัดซางตาครู้ส วัดคริสต์ที่โดดเด่นด้วยโบสถ์สถาปัตยกรรมแบบเรเนสซองส์และนีโอคลาสิก พร้อมยอดโดมสไตล์อิตาลี ซึ่งเป็นการจำลองโดมของมหาวิหารฟลอเรนซ์ตั้งตระหง่านคอยต้อนรับอยู่ด้านหน้าชุมชนกุฎีจีน

received_2187390334875799

ที่เที่ยวกรุงเทพฯ มีอยู่แทบทุกตารางพื้นที่ ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับว่าเรามองเห็นมันหรือเปล่าก็เท่านั้น อย่าง “ย่านกุฎีจีน” เป็นอีกหนึ่งย่านเล็ก ๆ ของกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี แต่ถึงแม้ว่าเป็นย่านเล็ก ๆ แต่เด็ดอย่าบอกใคร เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย   ใครไม่เชื่อต้องไปให้เห็นด้วยสองตาตัวเอง ใช้เวลาครึ่งวันบ่าย เราตระเวนไหว้พระทั้งไทย จีน และฝรั่ง ทั้งวัดกัลยาณมิตร ศาลเจ้าแม่กวนอิม และโบสถ์ซางตาครู้ส พลาดไม่ได้กับการแวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กุฎีจีน เหล่านี้เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เราเห็นว่าความแตกต่างและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของคนในชุมชน ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

วันแรกจบโปรแกรม ปิดท้ายด้วยการท่องราตรี ชมบรรยากาศถนนเยาวราชยามค่ำคืน พร้อมชิมอาหารสไตล์ street food ที่มีให้ซื้อชิมตลอดสาย เมื่ออิ่มแล้วเดินทางกลับพักผ่อนเก็บแรงหลังจากที่เดิน เรียกว่าเดินจริงๆ ตลอดทั้งวันเพื่อชมสถานที่ต่าง ๆ ต่อไปในวันรุ่งขึ้น

received_1437774686367414

เช้าวันที่สอง อากาศดี เริ่มต้นด้วยการเข้าวัด เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก คือ วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดสำคัญของคนไทย เพราะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 เป็นวัดที่มีความสวยงามและใหญ่โตมาก วัดหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ถือได้ว่าเป็นศิลปกรรมที่สง่าและโดดเด่นที่สุด ก่อสร้างโดยช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญ บนพระปรางค์ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบและเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ที่นำเข้ามาจากจีน ซึ่งมีลวดลายงดงามเป็นของเก่าแก่และหายาก ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวที่เมืองไทย ส่วนใหญ่จะต้องแวะเวียนมาถ่ายรูปที่วัดอรุณฯ  หากเอ่ยถึง วัดอรุณฯ หรือ “วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี ด้วยเพราะความงดงามทางสถาปัตยกรรมอันประเมินค่าไม่ได้ แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา กลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก และเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน

วัดที่สอง ที่เราได้เดินทางเยี่ยมชม คือ วัดโพธิ์ หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ขึ้นอันดับ 17 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก ประจำปี 2561 จากการโหวตของนักท่องเที่ยวทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ tripadvisor และขึ้นเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย วัดโพธิ์ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญคู่กรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งยังเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี นอกจากศาสนสถานสำคัญต่าง ๆ ภายในวัดแล้ว วัดโพธิ์ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะเป็นแหล่งรวบรวมวิชาความรู้ศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งประวัติศาสตร์ วรรณคดี และการแพทย์ โดยยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์ จำนวน 1,440 ชิ้น เป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เมื่อเดือนมีนาคม 2551 ซึ่งเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวชมมากจริง ๆ

จบไปอีก 1 วัน มื้อเย็นทาง ททท. ได้พาพวกเรามาดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ที่ ล้ง 1919 ที่เที่ยวใหม่ กรุงเทพ ฝั่งธนฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับ ตลาดน้อย นั่นเองค่ะ นับได้ว่าเป็นที่เที่ยวแนว Heritage อีกแห่งที่น่าสนใจมากๆ ด้วยการพลิกฟื้นอดีตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ท่าเรือกลไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบทบาทสำคัญของสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 4 ให้กลับมามาชีวิตอีกครั้ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย-จีน อีกด้วย ภายใน ล้ง 1919 นั้นจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ สำหรับการจัดกิจกรรม นิทรรศการ มีร้านอาหาร และคาเฟ่ต่างๆ เป็นแหล่งชิลล์เอ้าท์ และพบปะของคนเมืองที่อยากหวนอดีตรำลึกถึงความประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของผู้คนในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ผ่านที่นี่

วันสุดท้ายก่อนเหินฟ้ากลับสู่ภูมิลำเนา เราได้แวะที่ วัดราชนัดดา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า โลหะปราสาท องค์แรกและองค์เดียวของไทย และถือเป็นองค์ที่ 3 ของโลก โลหะปราสาท ก่อสร้างขึ้นโดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แทนการสร้างเจดีย์ ยิ่งใครมีโอกาสผ่านถนนราชดำเนินในตอนกลางคืน จะได้เห็นความเรืองรองจาก โลหะปราสาท สาดส่องเสมือนแสงแห่งศรัทธา

ต่อจากนั้นใกล้ๆวัดราชนัดดา เราได้เดินไปยัง นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เรียนรู้เรื่องราวแห่งสยาม เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นอาคาร 4 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 2,500 ตรม. พื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร รวมทั้งสิ้น 8,000 ตรม. ภายในอาคาร จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับรัตนโกสินทร์ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ทั้งสื่อจัดแสดง หุ่นจำลอง การนำสื่อผสมเสมือนจริง 4 มิติ สื่อมัลติทัช มัลติมีเดียแอนิเมชัน ในลักษณะอินเตอร์เอคทีฟ เซล์ฟ เลิร์นนิ่ง (Interactive Self-learning) ด้วยความตั้งใจดีของหลายๆ ฝ่าย ที่มุ่งหวังให้ถนนราชดำเนินเป็นถนนที่สง่างามสมกับชื่อถนน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงต่อยอดความตั้งใจดังกล่าว โดยก่อตั้งอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์แห่งนี้ขึ้น เสมือนหนึ่งประตูสู่กรุงรัตนโกสินทร์ ที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของยุครัตนโกสินทร์ ควรค่าที่คนไทยทุกคนจะได้รับรู้และภาคภูมิใจ โดยมุ่งหวังที่จะกระตุ้นให้เยาวชนชื่นชอบและสนใจที่จะศึกษาค้นคว้า และภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมในยุครัตนโกสินทร์ ที่บรรพชนไทยได้สั่งสมสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ อีกหนึ่งแห่งของกรุงเทพมหานคร ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับข้อมูล ความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ก่อนจะไปเที่ยวยังสถานที่จริง

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฝ่ายภูมิภาคภาคเหนือ ที่ได้จัดกิจกรรม Media Farm Trip โครงการ “ท้าเที่ยวข้ามภาคปี 2  เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับเราไปยังสถานที่ ที่ไม่เคยได้สัมผัสอย่างลึกซึ้ง ได้ไปสัมผัสในมุมเล็กๆ มุมนึงของเมืองหลวงกรุงเทพมหานคร ใครบอกว่ากรุงเทพฯ มีที่เที่ยวน่าเดินแค่ในห้าง ขอเถียงสุดใจ ที่เที่ยวกรุงเทพฯ มีอยู่แทบทุกตารางพื้นที่ ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับว่าเรามองเห็นมันหรือเปล่าก็เท่านั้น อยากให้ทุกคนได้ลอง

ททท. จะส่งเสริมเศรษฐกิจให้เม็ดเงินหมุนเวียนทั่วประเทศ  ด้วยการสนับสนุนคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวข้ามภาคกันมากยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ ข้ามไปเที่ยว ได้ไปทึ่ง ให้ลึกซึ้งทั่วไทย ท้าเที่ยวเมืองไทยให้ไกลกว่าเดิม เพราะทุกภาคทั่วไทยยังมีสถานที่ และประสบการณ์ดีๆ รอคอยให้คุณได้ไปค้นพบ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัดทั่วไทย ที่หลายคนอาจมองข้ามหรือได้เพียงแค่ขับรถผ่าน แต่แท้จริงแล้วจังหวัดเหล่านั้นยังมีอะไรดีๆ ที่ซ่อนอยู่ รอวันให้คุณได้ไปทึ่ง! ไม่ว่าจะเป็นอาหาร วัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงสถานที่ที่รอให้ทุกคนเข้าไปค้นหาและเปิดประสบการณ์อย่างที่คุณอาจจะไม่เคยสัมผัสมาก่อน

 

 

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=34301

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us