“บิ๊กโจ๊ก”เรียกทีมสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีบุกรุก โบราณสถานฯสงขลา ย้ำ!คนผิดจะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ หักพาลเรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีบุกรุกโบราณสถานเขาแดง และโบราณสถานเขาน้อย จังหวัดสงขลา ระบุไม่ว่าจะเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ที่ไหน ก็จะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทั้งหมด
วันที่ 2 มิย.2566 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรสงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ หักพาล(บิ๊กโจ๊ก)รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีบุกรุกโบราณสถานเขาแดง และโบราณสถานเขาน้อย อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ติดตามความคืบหน้าทางคดีทั้ง 3 คดี ซึ่งล่าสุดนั้น 2 คดีพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องคดี ขึ้นสู่กระบวนการทางศาล เหลืออีก 1 คดี ซึ่งมีเจ๊อ้อย เป็นผู้ต้องหาร่วมกับสามี และบุตรชาย พร้อมด้วยคนขับรถแบ๊คโฮร์อีก 2 คน ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาสำนวนของอธิบดีอัยการภาค 9 ซึ่งมีนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 27 มิถุนายน2566
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ ระบุว่า คดีนี้จะถือเป็นคดีตัวอย่างสำหรับกลุ่มคนที่คิดจะบุกรุก ทำลายโบราณสถานซึ่งเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ที่ไหน ก็จะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทั้งหมด ซึ่งใน 3 คดีบุกรุกโบราณสถานในจังหวัดสงขลา เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลครบแล้ว ทางสำนักงาน ปปง.ก็จะเข้าดำเนินคดีอาญา ฐานฟอกเงินโดยกลางเดือนหน้าทางพนักงานสอบสวนจะได้นำส่งสำนวนที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ส่งมอบให้ ป.ป.ง.เพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งได้มีการสืบทรัพย์ทั้งหมด เพื่อเตรียมยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาทั้ง 3 คดี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีนั้นทางเครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดสงขลาซึ่งเข้าร่วมติดตามความคืบหน้ามีความพอใจ เนื่องจากได้รับการยืนยันว่า มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนในการเอาผิดกลุ่มผู้บุกรุกโบราณสถานทั้งหมดแต่ยังกังวลในเรื่องของการฟื้นฟูโบราณสถานที่ล่าช้าแม้จะใช้งบประมาณเพียง 12 ล้านบาท แต่จังหวัดกลับไร้ความจริงใจในการแก้ปัญหา
นายบรรจง นะแส ตัวแทนเครือข่ายคัดค้านการบุกรุกโบราณสถานสงขลา ระบุว่า ปัญหาเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ทางจังหวัดกลับให้ความสำคัญในเรื่องของการฟื้นฟูน้อยมาก แม้จะทราบสถานการณ์มาตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งงบประมาณที่ทางสำนักศิลปากรที่ 11 เสนอนั้นใช้งบประมาณ 12 ล้านบาทเศษ โดยเสนอตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2565 แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณาบรรจุเข้าสู่งบพัฒนาจังหวัดในปี 2566 และ 2567 โดยบอกว่าจะพิจารณาในงบประมาณปี 2568 ทำให้ภาคประชาชนกังวลว่าฐานเจดีย์เขาน้อยที่มีอายุ 1400 ปี จะพังลงมาเสียก่อน เพราะเพียงแค่ฤดูฝนเดียว ก็มีปัญหาดินสไลด์ตัวลงมาหลายจุดแล้ว จึงต้องร้องขอให้จังหวัดเร่งรัดการจัดสรรงบประมาณให้เร็วขึ้น
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=80612