|

ทีมนักวิจัย ม.อ.ปัตตานี พร้อมภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่ติดตามผลแก้ปัญหากระบวนการผลิตสินค้าของกลุ่มผู้ประกอบการ ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากในจังหวัดปัตตานีโดยส่งเสริมทักษะอาชีพและการแปรรูปอาหารทะเลตลอดห่วงโซ่คุณค่า ณ ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

ทีมนักวิจัย ..ปัตตานี พร้อมภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่ติดตามผลแก้ปัญหากระบวนการผลิตสินค้าของกลุ่มผู้ประกอบการ ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากในจังหวัดปัตตานีโดยส่งเสริมทักษะอาชีพและการแปรรูปอาหารทะเลตลอดห่วงโซ่คุณค่า .แหลมโพธิ์ .ยะหริ่ง .ปัตตานี

           ทีมนักวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พร้อมภาคีเครือข่ายลงพื้นที่ติดตามผลและแก้ปัญหากระบวนการผลิตข้าวเกรียบ แก่กลุ่มผู้ประกอบการ.แหลมโพธิ์ .ยะหริ่ง .ปัตตานี  เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากในจังหวัดปัตตานี  โดยส่งเสริมทักษะอาชีพและการแปรรูปอาหารทะเลตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยมี ผศ.ดร.จรีรัตน์ รวมเจริญ เป็นหัวหน้าโครงการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการพัฒนาและยกระดับการจัดการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคม  ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)โดยพบว่า ปัญหาในการผลิตเป็นเรื่องของคุณภาพและความคงทนของเตาเผาต้มข้าวเกรียบที่มีระยะการใช้งานที่ไม่คุ้มทุน                       ผศ.ดร.ฟารีดา หะยีเย๊ะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และนักวิจัยโครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากในจังหวัดปัตตานีโดยส่งเสริมทักษะอาชีพและการแปรรูปอาหารทะเลตลอดห่วงโซ่คุณค่า เปิดใจว่า โครงการดังกล่าว ดำเนินมาเป็นเฟสที่ 4 แล้ว เป็นระยะ 4 ปี   โดยในครั้งนี้ เป็นการลงพื้นที่ติดตามผลและแก้ปัญหาให้กลุ่มข้าวเกรียบดาโต๊ะ ถือเป็นต้นกำเนิดข้าวเกรียบในปัตตานี ต่อเนื่องจากการลงพื้นที่มาครั้งที่แล้ว  จากการสอบถามพบว่า เพื่อพูดคุยสอบถามเรื่องปัญหาเรื่องการผลิตกับกลุ่มผู้ประกอบการ พบว่าปัญหาของอุตสาหกรรมครัวเรือน คือ การใช้อิฐธรรมดาในการก่อสร้างเตาต้มข้างเกรียบ ทำให้ความทนทานและระยะการใช้งานของเตาเมื่อโดนความร้อนจัดๆ จะมีรอยแตกร้าว ผู้ประกอบการต้องซ่อม หรือทุบทิ้งเพื่อสร้างขึ้นใหม่ทุกๆ ระยะเวลา 3-4 ปี เกิดปัญหาเรื่องของความคุ้มทุน เรื่องการเสียเวลาในการดำเนินการ การหยุดปรับปรุงหลายๆวัน ทำให้สูญเสียรายได้เป็นเงินจำนวนมาก คณะนักวิจัยจึงได้นำเสนอการแก้ปัญหา โดยให้มีการใช้อิฐทนไฟแทนอิฐธรรมดา ซึ่งจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยเป็นระยะเวลาถึง 10 ปี กว่า จะมีรอยร้าวหรือต้องมีการทุบสร้างใหม่ ถึงแม้ราคาจะสูงกว่าแบบเดิมหลายเท่า แต่ถ้าเทียบกับความคุ้มทุนและระยะเวลาการใช้งานถือว่าคุ้มกว่าอิฐธรรมดา

            กิจกรรมในครั้งนี้  ได้รับความร่วมมือจากวิทยาลัยเทคนิค และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายกับ ..ปัตตานี ในหลายๆโครงการที่ผ่านมา ในการออกแบบเตาโดยใช้อิฐทนไฟ ร่วมกับ ทีมวิจัย ของ..ปัตตานี และผู้ประกอบการ โดยได้นำองค์ความรู้ด้านวิชาการ มาใช้ร่วมกับทักษะการใช้งานจริงของผู้ประกอบการ ถือเป็นการทำงานที่เห็นภาพของการบูรณาการณ์ร่วมกันอย่างชัดเจน เชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืนต่อคนในชุมชนอย่างแท้จริง                        อาจารย์ชุมพร หนูเมือง หัวหน้าสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และนักวิจัยฯ กล่าวว่า ทีมนักวิจัยได้ให้ความรู้ด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์โดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่ ให้ความรู้เรื่องสุขลักษณะที่ดีในการผลิต สถานที่ผลิต อุปกรณ์เครื่องมือ รวมถึงกระบวนการและปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อให้อาหารมีความสะอาดปลอดภัย และการเพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยีที่สูงขึ้น ปัญหาทั่วไปที่พบในการผลิตส่วนใหญ่ของผู้ประกอบการในพื้นที่เป็นเรื่องสุขลักษณะ ทีมงาน  และการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มผลิตนั้น ยังมีมูลค่าน้อย มีหลายกลุ่มไม่ได้มีกระบวนการวางแผนเรื่องต้นทุนและกำไรที่ชัดเจน ทางโครงการฯ จึงได้แนะนำแนวคิดความสามารถในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากการติดตามผลได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติของผู้ประกอบการมากขึ้น ผู้ประกอบการรับฟังและเปลี่ยนแนวคิด ตระหนักถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์มากขึ้น และมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้กลุ่มมีความเข้มแข็งและความยั่งยืนมากขึ้น  ทีมวิจัยพยายามให้ข้อมูลเรื่องความยั่งยืนทุกครั้งที่มีการประชุมร่วมกัน สิ่งที่ทีมวิจัยคาดหวัง คือ การส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ ช่วยขับเคลื่อนกระบวนการทางด้านการตลาดแบบยุคดิจิทัล การใช้เครืองมืองของเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งสิ่งนี้ต้องเกิดจากการขับเคลื่อนของกลุ่มผู้ประกอบการและคนในชุมชนเอง                   ด้านนายบูคอรี ตาแกะ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมครัวเรือนผลิตข้าวเกรียบ.แหลมโพธิ์ .ยะหริ่ง .ปัตตานี กล่าวว่า ประชาชนในตำบลแหลมโพธิ์ กว่า 10 ครัวเรือ ประกอบอาชีพผลิตข้าวเกรียบโดยจำหน่ายตามตลาดทั่วไป และตลาดออนไลน์   อาทิ .สุโขทัย .ลำพูล และ .ลำปาง ตนได้ทำอาชีพผลิตข้าวเกรียบ กว่า 30 ปี โดยเป็นรุ่นที่ 2 สืบทอดมาจากรุ่นพ่อแม่เป็นรุ่นแรก ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการ ในเฟสที่ 4  เป็นการแนะนำของผู้นำในหมู่บ้าน ปัญหาที่กลุ่มผู้ประกอบการส่วนให้พบเจอ คือความคงทนและคุ้มทุนของเตาต้มข้าวเกรียบ ที่มีอายุการใช้งานเพียง 3-4 ปี การที่ทีมนักวิจัย..ปัตตานี และภาคีเครือข่าย เข้ามาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่ายในการในเรื่องเตาต้มตนขอขอบคุณทีมวิจัย ..ปัตตานี ที่เข้ามาให้ความรู้ทั้งเรื่องขั้นตอนผลิตที่ถูกสุขลักษณะ การตลาด การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และการแก้ปัญหาต่างๆของกลุ่ม เชื่อว่ากลุ่มผู้ประกอบการสามารถนำความรู้ตรงนี้ ต่อยอดและส่งต่อองค์ความรู้ให้กับชาวบ้านในชุมชน กลุ่มที่ด้อยโอกาสกว่าตนได้

 

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=86689

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us