สงขลาจัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่2 “จากคลองภูมี ถึงอู่ตะเภา”เยาวชนตื่นตัวร่วมปกป้องคลองภูมี พร้อมลงนามและประกาศปฏิญญา 4 ฝ่าย ขับเคลื่อน
สงขลาจัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากครั้งที่ 1 เมื่อ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมาภายใต้คอนเช็ปต์ ประกาศเอกราชสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา “จากคลองภูมี ถึงอู่ตะเภา” พร้อมทำกิจกรรมปล่อยปลา 8 จุด ตลอดแนวต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำคลองภูมี
วันนี้(13 มิถุนายน 2565 )ที่หาดปากบางภูมี ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา จัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ คลองอู่ตะเภา ภายใต้คอนเช็ปต์ ประกาศเอกราชสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา “จากคลองภูมี ถึงอู่ตะเภา” โดยมีพื้นที่ทำกิจกรรมปล่อยปลา พร้อมกัน 8 จุด ในพื้นที่อำเภอรัตภูมิ และอำเภอควนเนียง ตลอดแนวต้นน้ำกลางน้ำ และปลายน้ำคลองภูมี ซึ่งจุดหลักในการจัดกิจกรรมที่หาดปากบางภูมีองค์การบริหารส่วนตำบลรัตภูมิ อ.ควนเนียง กลุ่มเยาวชนเข้าร่วมกว่า 200 คน รวมถึงตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 7 แห่ง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เจ้าของกิจการโรงงานในพื้นที่ ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา และภาคประชาชน ภาคเช้า มีการอบรมเยาวชน เพื่อปลูกสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยนายเดชอิศม์ขาวทอง ส.ส.สงขลา เขต 5 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ ที่ปรึกษาคณะกรรมการแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดสงขลา กล่าวเปิดงาน พร้อมบรรยายแก่เยาวชน ถึงที่มาและเป้าหมายที่ต้องร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูคลองภูมี และอู่ตะเภา รวมถึงคลองสายอื่น ๆ จากนั้นประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ปากบางคลองภูมี บรรยายอดีต ปัจจุบัน และอนาคตคลองภูมี และทีมวิทยากรกระบวนการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของเยาวชน พร้อมจัดตั้ง “คณะกรรมการเครือข่ายเยาวชนปกป้องคลองภูมี” เพื่อให้เกิดการดำเนินการต้อไปในอนาคต
ภาคบ่าย มีการเสวนาร่วมกันถึงแนวทางการปกป้องคลองภูมี ระหว่างตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ โดยนายอำพล พงษ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายผล ทองเอื้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรัตภูมิ, รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา นายบุญโชค ชั่งสิริพร และประธานเครือข่ายเยาวชนปกป้องคลองภูมี จากนั้นเป็นการลงนาม MOU เพื่อร่วมปกป้องคลองภูมีและประกาศปฏิญญา 4 ฝ่ายปกป้องคลองภูมี ต่อด้วยการปล่อยพันธุ์ปลาและกุ้ง พร้อมกัน 8 จุด รวม 1.5 ล้านตัว
โดยการลงนาม MOU และประกาศปฏิญญาครั้งนี้ ประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา, นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรัตภูมิ, ประธานเครือข่ายเยาวชนปกป้องคลองภูมี พร้อมด้วยนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา, นายเดชอิศม์ ขาวทอง และพลตรีประเสริฐ กิตติรัต ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 มาเป็นประธาน แทนแม่ทัพภาคที่ 4 พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองการบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นนโยบายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาในการดูแลรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการเข้าไปให้การสนับสนุนงบประมาณในหลายๆโครงการ ทั้งการรณรงค์สร้างจิตสำนึก การสนับสนุนเครื่องจักร อุปกรณ์ในการดำเนินการฟื้นฟู พัฒนา
“โครงการ จากคลองภูมี ถึงอู่ตะเภา ก็เป็นหนึ่งในหลายๆโครงการที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้ามาสนับสนุนเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักและช่วยกันปกป้องฟื้นฟู พัฒนา แม่น้ำ ลำคลอง”
ซึ่งครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 สำหรับกิจกรรมปกป้องคลองภูมี หลังจากที่ผ่านมาการแก้ปัญหาต่างๆ ของคลองภูมีได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่ร่วมด้วยช่วยกัน วันนี้การที่มีกลุ่มเยาวชนได้เข้ามาร่วมในกิจกรรม จะเป็นพลังสำคัญยิ่งในอนาคตที่จะเข้ามาปกป้องดูแลคลองภูมี ที่พวกเขาทุกคนเป็นเจ้าของ
นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา เขต 5 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะกรรมการที่ปรึกษาการแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดสงขลา และเป็นผู้ริเริ่มการแก้ปัญหา อู่ตะเภา–คลองภูมี กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในการจัดกิจกรรมฟื้นฟูคลองภูมี เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาคลองภูมี โดยเฉพาะธุรกิจบ่อดูดทรายเถื่อน
“ปีที่แล้วแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะบ่อดูดทรายเถื่อนที่ลักลอบดูดทราย ที่ยังตกหล่นอยู่บ้าง แต่วันนี้ปัญหาบ่อทรายเถื่อนถือว่าได้ดำเนินการถือว่าเกือบ100 เปอร์เซ็นต์ โรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่แนวคลองภูมี ก็มีจิตสำนึกอนุรักษ์คลองภูมีเหมือนกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีความรู้สึกว่าทุกคนเป็นเจ้าของคลองภูมีร่วมกัน พี่น้องประชาชนในพื้นที่ตื่นตัวลุกขึ้นมาปกป้อง ดูแลคลองภูมีกันเป็นอย่างดี เพราะทุกคนมีความภาคภูมิใจว่าได้ยึดคลองภูมีกลับมาจากบ่อดูดทราย จากโรงงานอุตสาหกรรมมาเป็นของทุกคนอย่างแท้จริง”
นายเดชอิศม์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่จะต้องดำเนินการนับจากนี้ไปสำหรับคลองภูมีก็คือ การฟื้นฟู ที่เกิดจากบ่อดูดทราย ทำให้คลองภูมีได้รับความเสียหายค่อนข้างมากสภาพคลอง เว้า แหว่ง ตลิ่งพังเสียหายหลายจุด
“กำลังประสานกับกรมชลประทานมาสร้างแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ เนื่องจากน้ำเป็นสิ่งสำคัญ สามารถเก็บน้ำไว้ใช้หลายล้านลูกบาตรเมตรบริเวณกลางน้ำของคลองภูมี ใช้พื้นที่ประมาณ 300 ไร่”
ทั้งนี้ เราต้องการที่จะให้คลองภูมีมีประโยชน์อย่างน้อย 3 อย่าง อย่างแรกคือคลองภูมีต้องมีน้ำที่สะอาด สามารถนำไปใช้บริโภค ใช้ได้ น้ำประปา ภาคการเกษตรอย่างที่สอง เมื่อน้ำในคลองภูมีสะอาดแล้วก็จะดำเนินการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำด้วยการปล่อยสัตว์น้ำลงไปในคลองภูมีอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อความอุดมสมบูรณ์และสามคือ การพัฒนาคลองภูมีให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด มีกิจกรรมทางด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในคลองภูมี เช่น การล่องแก่ง เรือในคลอง มีตลาดริมคลอง นั่นคือเป้าหมายในอนาคตที่วางไว้” ด้าน นายผล ทองเอื้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรัตภูมิ กล่าวว่า ตั้งแต่นายกชาย หรือ ส.ส.เดชอิศม์ ขาวทอง เข้ามาดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งสองฝั่งคลองภูมี โดยเริ่มจากตำบลเขาพระ อำเภอรัตภูมิ ตำบลรัตภูมิ อำเภอควนเนียงปัจจุบันน้ำในคลองภูมีดีขึ้นมาก หลังจากที่ได้ดำเนินการแก้ปัญหาบ่อดูทรายและโรงงานปล่อยน้ำเสียอย่างจริงจัง
“ตอนนี้ชาวบ้านสามารถลงเล่นน้ำได้ดีขึ้นมาก 80% แต่ก่อนลงไม่ได้เพราะมีโรงงานปล่อยน้ำเสีย มีบ่อดูดทรายในคลอง มีผลกระทบกับชาวบ้านมาโดยตลอด สิ่งที่พี่น้องประชาชนปลายน้ำ คือ หมู่ที่ 3 ตำบลรัตภูมิเรียกร้องในขณะนี้คือการก่อสร้างสะพานคลองภูมี โดยกรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบ และการแก้ไขปัญหาตลิ่งคลองภูมีพังเสียหาย ซึ่งขณะนี้ท่าน ส.ส.เดชอิศม์ ขาวทอง ประสานกรมชลประทานให้มาดำเนินการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว” นายผล กล่าว
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=72535