เลือกซ่อม ส.ส.สงขลา เขต6’น้ำหอม’ชนะเกือบทุกเขต ‘นิพนธ์’สวนกลับ ‘ธรรมนัส’อย่าทำตัวขี้แพ้ชวนตี พูดลอยๆแค่หรอยปาก
เลือกซ่อม ส.ส.สงขลา เขต6′น้ำหอม‘ชนะเกือบทุกเขต ‘นิพนธ์‘สวนกลับ ‘ธรรมนัส‘อย่าทำตัวขี้แพ้ชวนตี พูดลอยๆแค่หรอยปาก
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2565 มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 สงขลา ถือเป็นสนามแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ ระหว่างพรรคฟากรัฐบาลด้วยกัน คือ พรรคพลังประชารัฐ กับ ประชาธิปัตย์ ส่วนที่เหลือเป็นได้แค่ไม้ประดับ เป็นไปตามกระแสที่ออกมาตั้งแต่ก่อนมีการเปิดรับสมัคร ท้ายสุดผลการเลือกตั้งออกมาปรากฎว่า เบอร์1 ‘สุภาพร กำเนิดผล‘ จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ หลังผลเลือกตั้งออกมาพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ชนะ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีข่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลง กล่าวถึง กรณีที่นายธรรมนัสพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่า“ผมไม่เคยเห็นการโกงการเลือกตั้งอย่างนี้มาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าพรรคพรรคหนึ่ง ที่มีภาพทางการเมืองที่บริสุทธิ์เป็นแบบนี้”
ผมคิดว่าวันนี้การแข่งขันถือว่ายุติลงแล้ว การที่ท่านธรรมนัสซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐกล่าวอย่างนี้ เสมือนว่าแพ้แล้วชวนตี ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันอย่างนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการแข่งขันกันตามกติกาในระบอบประชาธิปไตย เรามีคณะกรรมการเลือกตั้งคอยกำกับคอยดูแล คุณธรรมนัสจะมาทำตัวกล่าวหาคนอื่นแทนคณะกรรมการเลือกตั้ง จึงไม่ใช่วิสัยที่จะทำ แต่ถ้าคุณธรรมมนัสมีพยานหลักฐานก็สามารถเอามาแสดงที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ ซึ่งเขามีหน้าที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมอยู่แล้ว
ซึ่งการที่พอแพ้แล้วกล่าวหาการเลือกตั้ง ถือว่าไม่ใช่นิสัยของคนที่มีน้ำใจนักกีฬา ฉะนั้นการที่จะกล่าวหาคนอื่นให้เสียหาย ว่ามีการโกงการเลือกตั้งจึงต้องระมัดระวัง ไม่ใช่พูดเอามันเข้าว่า หากทำให้พรรคเสียหาย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็สามารถดำเนินการใดๆตามกฎหมายได้ ฉะนั้นจึงถือโอกาสนี้ฝากเตือนสติว่าจะทำอะไรต้องให้เกียรติคนอื่นบ้าง ผมคิดว่าเมื่อเป็นผู้ใหญ่กันแล้วจะทำอะไรต้องระมัดระวังไม่ใช่กล่าวหาคนอื่นได้รับความเสียหาย หรือทำให้คนอื่นต้องมัวหมองไปด้วย ไม่ใช่ว่าตนเองแพ้การเลือกตั้ง ไม่รู้จะไปอธิบายกับใครอย่างไร ก็กล่าวหาคนอื่นโกงการเลือกตั้ง
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ผมจึงขอถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และไม่พูดจาอะไรให้คนอื่นเสียหาย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ย้ำตลอดว่าในระบบประชาธิปไตยนั้น ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงเท่าเทียมกัน ฉะนั้นถือโอกาสนี้เรียนกับพี่น้องว่าพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการทางการเมืองอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามแนวทางของพรรค และจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายแน่นอน นี่คือสิ่งที่ยืนยันกับพี่น้องประชาชนได้
Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=69714