|

บพท. สนับสนุน ม.อ.ปัตตานี จัดกิจกรรม “App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้”

บพท. สนับสนุน ม.อ.ปัตตานี จัดกิจกรรม “App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้” เพื่อนำเสนอผลงานนวัตกรรมแก้จน สร้างรายได้ เพิ่มโอกาสให้ครัวเรือนในพื้นที่ชายแดนใต้

           มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ โดยเน้นจัดแสดงผลงานเทคโนโลยีด้านการประมง เกษตร และปศุสัตว์ ภายใต้กิจกรรม “App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาและการจัดการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคมจังหวัดปัตตานี ปีที่ 2 มุ่งใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ลดพลังงาน และลดกำลังคนอย่างเป็นรูปธรรม โดยภายในงานมีผู้แทนภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง สะท้อนพลังความร่วมมือเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน                  เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมน้ำพราว โรงแรมซีเอส ปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดกิจกรรมการนำเสนอเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ภายใต้ชื่อ “App Tech คนตานี เทคโนโลยีพร้อมใช้” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการยกระดับโมเดลแก้จนด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมในพื้นที่วิจัยเชิงยุทธศาสตร์จังหวัดปัตตานี” ปีที่ 2 ภายใต้กรอบการวิจัย SRA: การพัฒนาและยกระดับการจัดการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคม

             โดยมี นายสนั่น สนธิเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี กล่าวต้อนรับ และรองศาสตราจารย์ ดร.กรรณิการ์ สหกะโร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หัวหน้าโครงการ App Tech กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม ภายในงานมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ  อาทิ ประมงจังหวัดปัตตานี พลังงานจังหวัดปัตตานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดปัตตานี พัฒนาชุมชนจังหวัดปัตตานี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี สถาบันวิชาการในพื้นที่ และตัวแทนชุมชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และผลักดันเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืนในระดับพื้นที่         

           นายสนั่น สนธิเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการนำองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยออกสู่พื้นที่จริง ถือเป็นตัวอย่างของ “การวิจัยเพื่อพัฒนา” ที่มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ซึ่งจะสำเร็จไม่ได้หากปราศจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม โครงการวิจัยฯ ควรส่งต่อเทคโนโลยีให้ผู้บริหารระดับท้องถิ่นได้เห็นประโยชน์และขยายผลโครงการเพื่อการช่วยเหลือชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป       

          รองศาสตราจารย์ ดร.กรรณิการ์ สหกะโร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะหัวหน้าโครงการ ได้กล่าวรายงานว่า โครงการ App Tech คนตานี เริ่มต้นจากการ Kick-Off เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้ลงพื้นที่ร่วมกับชุมชนอย่างใกล้ชิด โดยยึดแนวคิด “ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมใช้ประโยชน์” เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงาน ส่งผลให้เกิดการคิดค้นเครื่องมือและเทคโนโลยีที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น เตาชีวมวลประหยัดพลังงาน ระบบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องสับอัดพืชอาหารสัตว์ เทคโนโลยีการปลูกพืชไม่ใช้ดิน และการผลิตปูนขาวจากเปลือกหอย เป็นต้น

           นอกจากนี้ โครงการยังสามารถช่วยยกระดับรายได้ของครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 โดยมีครัวเรือนที่ได้รับการสนับสนุนแล้วกว่า 150 ครัวเรือน หรือประมาณ 750 คน ครอบคลุมทั้งกลุ่มประมง กลุ่มเกษตร และกลุ่มปศุสัตว์ในพื้นที่ ซึ่งล้วนเป็นครัวเรือนที่มีรายได้น้อยหรือขาดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี

           กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย  นิทรรศการแสดงเทคโนโลยีจาก 10 โครงการย่อย รวม 37 เทคโนโลยี การเสวนาวิชาการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างนักวิจัยและกลุ่มเป้าหมายในชุมชน การจัดแสดงผลงานต้นแบบ รวมถึงเวทีสะท้อนความคิดเห็นจากหน่วยงานภาคีและประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันวางแนวทางการขยายผลในอนาคตโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และขยายผลเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาในพื้นที่ ผ่านการใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ใช้งานได้จริง และเหมาะสมกับบริบทของชุมชนในระดับครัวเรือน กลุ่ม ชุมชน เพื่อให้สามารถต่อยอดและขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้ต่อไป

Short URL: http://www.samilatimes.co.th/?p=98028

แสดงความคิดเห็น

Share It

ความคิดเห็นล่าสุด

ข่าวมาใหม่

Find Us